8ธุรกิจ เสี่ยงตกงาน 7ล้านคน ในเดือน มิ.ย.นี้

8ธุรกิจ เสี่ยงตกงาน 7ล้านคน ในเดือน มิ.ย.นี้

การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย วานนี้ (8 เม.ย.) ได้ประเมินผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะผลกระทบต่อการจ้างงานที่ชัดเจนมากขึ้น

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท.เปิดเผยว่า วิกฤติโควิด-19 มีความรุนแรงมากกว่าวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เนื่องจากปี 2540 ผู้ที่ได้รับผลประทบจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ถึงกลาง และธุรกิจการเงินที่กู้เงินจากต่างประเทศ และเมื่อค่าเงินบาทลอยตัวทำให้ธุรกิจเหล่านี้ต้องปิดกิจการ

“วิกฤติโควิด-19 ผู้ที่ได้รับผลกระทบจะกระจายไปทุกกลุ่ม ตั้งแต่ธุรกิจขนาดกลาง ขนาดเล็กและรายย่อย ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่บางส่วน ทำให้มีผู้ตกงานและได้รับผลกระทบจำนวนมากกว่า โดยเฉพาะธุรกิจที่ใช้แรงงานมากและธุรกิจฐานราก เช่น ธุรกิจบริการทุกขนาดและธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบรุนแรง ซึ่ง กกร.ประเมินว่าสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจหลักล้านล้านบาท”


 

กกร.ประเมินว่าภายในเดือน มิ.ย.นี้ จะมีแรงงานตกงาน 7.13 ล้านคน จากแรงงานในระบบประกันสังคมประมาณ 38 ล้านคน คิดเป็น 18.5% ของแรงงานทั้งหมด แบ่งเป็น

1.ธุรกิจบันเทิง คาดว่าจะเลิกจ้าง 6 หมื่นคน

2.ร้านอาหาร 2.5 แสนคน

3.สปาและร้านนวดในระบบ 3.96 หมื่นคน สปาและร้านนวดนอกระบบ 2 แสนคน 

4.ธุรกิจโรงแรม 9.78 แสนคน

5.ศูนย์การค้าและค้าปลีก 4.2 ล้านคน

6.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 7.76 หมื่นคน

7.สิ่งทอ 2 แสนคน

8.ธุรกิจก่อสร้าง 1 ล้านคน โดยแรงงานที่อาจตกงาน 7.13 ล้านคนนี้ จะเป็นแรงงานที่มีรายได้ต่ำกว่า 2 หมื่นบาทต่อเดือน 6.773 ล้านคน คิดเป็น 95% ของแรงงานที่ตกงาน

8ธุรกิจ เสี่ยงตกงาน 7ล้านคน ในเดือน มิ.ย.นี้

“ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงเป็นเอสเอ็มอี หากการระบาดยืดยาวเกินเดือน มิ.ย.นี้ จะรุกลามไปกระทบธุรกิจใหญ่ เช่น ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงธุรกิจส่งออกขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้ตัวเลขการตกงานสูงขึ้นกว่าที่คาด”

สำหรับ ผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ จะติดลบแน่นอน แต่จะติดลบมากเท่าไรขอประเมินจากมาตรการแก้ไขเศรษฐกิจของภาครัฐก่อนว่าได้ผลเพียงใด ส่วนการส่งออก คาดว่าจะติดลบ 5-10% เป็นอย่างน้อย อัตราเงินเฟ้อจะติดลบ 1.5% จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 0% ถึงลบ 0.5%

ขอบคุณ กรุงเทพธุรกิจ