ทนายเดชา บินตรงขึ้นเชียงใหม่ ลุยคดีพี่เตี้ย มช. ทุกชีวิตมีค่าไม่ว่าหมาหรือคน

ทนายเดชา บินตรงขึ้นเชียงใหม่ ลุยคดีพี่เตี้ย มช. ทุกชีวิตมีค่าไม่ว่าหมาหรือคน

วันที่ 21 พฤษภาคม 2563 บนเฟซบุ๊ก ทนายคลายทุกข์ ของทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้โพสต์ภาพที่สนามบินพร้อมระบุว่ากำลังจะบินตรงขึ้นเชียงใหม่เพื่อลุยคดีกับคนร้ายที่เป็นคนลงมือกับ พี่เตี้ย มช. สุนัขชื่อดังแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ทนายเดชาโพสต์ข้อความระบุ รอขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่เพื่อดำเนินคดีกับคนที่ฆ่าพี่เตี้ยมช.

ในฐานะที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับWDT #ทุกชีวิตมีคุณค่าไม่ว่าจะเป็นหมาหรือคน

 

ทนายเดชา บินตรงขึ้นเชียงใหม่ ลุยคดีพี่เตี้ย มช. ทุกชีวิตมีค่าไม่ว่าหมาหรือคน

 

ขณะที่ก่อนหน้านี้ทางเพจ มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand – WDT  ได้โพสต์ข้อความโดยมีเนื้อหาดังนี้

เปิดมูลไขข้อข้องใจ ทำไมWDTจึงจิกกัด เคสเตี้ย มช. ไม่เลิกรา

แอดมินจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชิงดอย…แผ่นดินอันเป็นที่รัก และเป็นแผ่นดินเดียวกันกับที่พี่เตี้ยรัก…

เรื่องราวของพี่เตี้ยเป็นเรื่องราวสะเทือนขวัญสร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับสังคมคนรักสัตว์ทั่วประเทศด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวและยากที่จะลืมได้

การตายของพี่มีเงื่อนงำและเงื่อนปมซับซ้อนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการรับบริจาคของคนภายใน ปัญหาความอิจฉาริษยาปัญหาทฤษฎีคนเกลียดเซเลป หรือแม้แต่ปัญหาส่วนบุคคลของใครก็ตาม

WDT ไม่สนใจปัญหาเหล่านั้นเพราะไม่ใช่ธุระ ธุระหนึ่งเดียวที่มูลนิธิให้ความสำคัญเป็นอันดับที่หนึ่งและต้องคลี่คลายเงื่อนปมเหล่านั้นเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้พี่ก็เพื่อพิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายและพิสูจน์หน้าที่ความรับผิดชอบของผู้รักษากฎหมาย

 

ทนายเดชา บินตรงขึ้นเชียงใหม่ ลุยคดีพี่เตี้ย มช. ทุกชีวิตมีค่าไม่ว่าหมาหรือคน

 

WDT เป็นมูลนิธิเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร เงินทุกบาททุกสตางค์ที่มูลนิธิมีสิทธิ์ขอรับบริจาคเพื่อนำไปใช้จ่ายการทำงานเพื่อช่วยเหลือสัตว์ตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิล้วนมาจากประชาชนคนรักสัตว์ที่คาดหวังและศรัทธาในผลงานทั้งสิ้น

ใครก็ตามที่พยายามใส่ร้ายป้ายสี ไม่ว่าจะเรื่องราวใด มูลนิธิไม่เคยประหวั่นพรั่นพรึงเพราะไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมูลนิธิ WDT ทำงานช่วยเหลือสัตว์มาโดยพิสูจน์ได้ด้วยผลงานที่ผ่านมาเกือบสิบปี บนความสุจริตใจ บนความชอบธรรม ของการรับเรื่องร้องเรียนประสานงานกับผู้เสียหายและผู้ขอความช่วยเหลือโดยตรง

ไม่เคยทำงานเอาหน้า ไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ว่าจะเป็นหมาจรด้อยโอกาสหรือหมามีสายพันธุ์โก้เก๋ หรือหมาเซเลปชื่อดังไม่เคยเลือกทำแต่เคสดังหรือโหนกระแสเพื่อให้ได้รับเงินบริจาค

#เพราะทุกเคสที่เป็นที่รู้จักก็เพราะWDTเป็นคนทำ
#โดยมีสื่อมวลชนติดตามให้ความสนใจช่วยกันเผยแพร่ข่าวและคดี
#ให้เป็นบทเรียนเป็นอุทาหรณ์ต่อสังคม
#เพื่อป้องปรามการกระทำการทารุณกรรมสัตว์และปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนเข้าใจสิทธิ์ของตัวเองและสิทธิ์ในการบังคับใช้กฎหมายของประชาชนเพื่อประชาชนและเพื่อสัตว์ด้อยโอกาสทุกชีวิต

เพราะเมื่อประชาชนคนรักสัตว์มีความกล้าหาญ เข้าใจกฏหมาย และใช้ปัญญาต่อสู้ด้วยตัวเองได้…ประชาชนคนรักสัตว์ก็จะช่วยสัตว์ได้

รัฐ คือผู้มีความรับผิดชอบโดยตรงในการดำเนินคดีทารุณกรรมสัตว์ โดยศักดิ์และสิทธิ์แห่งอำนาจรัฐที่เป็นผู้เสียหายตัวจริง เพราะคดีทารุณกรรมสัตว์เป็นอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ แม้เจ้าของผู้เสียหายไม่แจ้งความดำเนินคดี รัฐก็ต้องดำเนินคดีต่อไปจนถึงที่สุด

#ประโยชน์ทั้งหมดก็จะตกเป็นของสัตว์ ที่จะได้รับความยุติธรรมจากการถูกกระทำการทารุณกรรม ถูกทอดทิ้งหรือถูกเลี้ยงดูผิดสวัสดิภาพสัตว์

#นี่คือคุณูปการอันยิ่งใหญ่และเป็นเป้าหมายอันสำคัญที่สุดของการประกาศใช้กฎหมายป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ฉบับแรกในประเทศไทย !

ใครก็ตามที่ข้องใจ สงสัย การทำงานของมูลนิธิเพราะได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาบอกต่อมา มิจฉาชีพฉ้อฉลบ้างละ ฉวยโอกาสบ้างละ พยายามเผยแพร่ข่าวใส่ร้ายป้ายสีเพื่อดิสเครดิตและเพื่อต้องการล้ม WDT ให้ได้

ขอให้รู้ว่า…ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นการให้ข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์แบะเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

ซึ่ง WDT เชื่อมั่นว่า วิญญูชนและประชาชนคนรักสัตว์ผู้รักและศรัทธาผลงานของมูลนิธิย่อมพิจารณาได้ด้วยปัญญา

ถามว่า จะดำเนินคดีคนใส่ร้ายป้ายสีหรือไม่ แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เสียเวลาช่วยสัตว์ เสียเวลาใส่ใจในเรื่องไร้สาระ เพราะใครก็ตามที่พยายามโจมตีใส่ร้ายป้ายสี ใครผู้นั้น คนหรือกลุ่มบุคคลเหล่านั้น ก็จะเดือดดิ้นทุกข์ทรมานอยู่ในบาปแห่งไฟริษยาด้วยตัวของเขาเอง

ขอบคุณที่ทำให้เราเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ

ทุกย่าวก้าวที่ก้าวเดิน บนหนทางที่ถูกต้องและสุจริตเสมอมา

WDT อุทิศทุ่มเททุกลมหายใจให้”การช่วยชีวิตสัตว์”
เป็นความสำคัญอันดับแรกที่มูลนิธิถือเป็นอุดมการณ์และให้คุณค่าความสำคัญ

จากวันที่ทำงานมาโดยไม่มีใครรู้จักจนถึงวันที่ประกาศผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณะชน
จากวันที่ยากไร้เงินทองในการทำงาน จนถึงวันที่ได้รับการสนับสนุนจากศรัทธาของประชาชนที่ทำให้มูลนิธิดำรงอยู่ได้
WDTก็ยังทำงานหนักเหมือนเดิมทุกประการ ตามปณิธานเดิมเสมอมาและตลอดไป

จากใจทีมงานทุกคน

ขอบคุณ ทนายคลายทุกข์ และ มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand – WDT