สธ.เร่งหาผู้โดยสารนั่ง "รถตู้สระแก้ว" คันเดียวกับชาวกัมพูชาติดโควิด

สธ.เร่งหาผู้โดยสารนั่ง "รถตู้สระแก้ว" คันเดียวกับชาวกัมพูชาติดโควิด

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 2 มิถุนายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการที่ประเทศกัมพูชา พบผู้ป่วยโควิด-19 เป็นชายชาวกัมพูชา อายุ 26 ปี ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากโรงเรียนสอนศาสนาใน จ.ยะลา ว่า ภายใต้กฎอนามัยระหว่างประเทศ จะมีการแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการ ดังนั้น เมื่อกัมพูชาเจอผู้ป่วย เขาก็ต้องแจ้งให้ประเทศไทยทราบ เพราะเขากลับมาจากประเทศไทย ขณะนี้กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กำลังรอหนังสือฉบับนี้จากสาธารณสุข ของประเทศกัมพูชา

 

ทั้งนี้ จากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าบุคคลดังกล่าวเข้าด่านมาทางสระแก้ว ซึ่งจะต้องติดตามในส่วนของผู้ร่วมเดินทาง แต่เบื้องต้นผู้ป่วยรายดังกล่าวเรียนศาสนาในจ.ยะลา แต่ไม่ทราบอยู่ที่นั่นระยะเวลานานเท่าไหร่ แล้วเมื่อออกจากจ.ยะลา ผู้ป่วยรายดังกล่าวไปไหนต่อบ้าง เป็นเรื่องที่จะต้องสอบสวนเพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรค เพราะว่าประวัติการเดินทางเข้ามาอยู่ใช้เวลาเกือบ 30 วัน ก่อนที่จะกลับไปสู่ประเทศกัมพูชา ซึ่งจะประวัติที่ประเทศกัมพูชาให้มาผู้ป่วยรายนี้ได้นั่งรถตู้ลงที่ จ.สระแก้ว มีผู้ร่วมทางประมาณ 10 คน ซึ่งเป็นใครบ้างยังไม่ทราบ โดยในส่วนของกรมควบคุมโรคกำลังทำงานร่วมกับทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อให้ได้เครือข่ายของผู้ที่ใช้เครื่องมือสื่อสารในระหว่างนั่งรถตู้ตามที่อ้างในวันที่เดินทาง โดยรายละเอียดจะดำเนินการให้ทราบภายหลัง

 

สธ.เร่งหาผู้โดยสารนั่ง "รถตู้สระแก้ว" คันเดียวกับชาวกัมพูชาติดโควิด

 

สำหรับความสำคัญในการใส่หน้ากากอนามัยแม้ว่าจะพบผู้ป่วยน้อยลงนั้น นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า หน้ากากอนามัยเป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนให้มีการใช้หน้ากากอนามัยทุกคน โดยในช่วงที่พบผู้ป่วยจำนวนมากก็ยังไม่พบว่าคนไทยมีการใส่หน้ากากครบ 100% จากข้อมูลตั้งแต่มีการระบาดของโรคเต็มมีการใส่หน้ากากเต็มที่สูงสุด 94 % เพราะฉะนั้นหน้ากากอนามัยเป็นเครื่องมือ สำคัญที่สุดเพราะว่าโรคทางเดินหายใจผู้ที่ผู้ป่วยไม่มีอาการ อาจแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นจากละอองฝอย น้ำลายได้ สำหรับการป้องกันโรคการใส่หน้ากากอนามัย จะให้เป็นเบอร์ 1 ควบคู่กันกับการกินร้อนช้อนตัวเอง ล้างมือให้สะอาด