กลายเป็นเรื่องราวที่ชาวเน็ตให้ความสนใจพร้อมกับเสียงวิจารณ์เป้นจำนวนมาก เมื่อ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก St Techamanoon ได้เล่าประสบการณ์ขึ้นแท็กซี่กลับบ้านที่ยากจะลืมเลือนของตัวเองว่า "เราโบกแท็กซี่กลับบ้านตอนเที่ยงคืน แทบไม่มีรถ และก็ได้เจอคันนี้ พี่เขาจอดตรงที่เรายืนโบก ลดกระจกและพูดว่า " ขึ้นมาเลยพี่ นี่ลูกเมียผมเอง"!

กลายเป็นเรื่องราวที่ชาวเน็ตให้ความสนใจพร้อมกับเสียงวิจารณ์เป้นจำนวนมาก เมื่อ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก St Techamanoon ได้เล่าประสบการณ์ขึ้นแท็กซี่กลับบ้านที่ยากจะลืมเลือนของตัวเองว่า "เราโบกแท็กซี่กลับบ้านตอนเที่ยงคืน แทบไม่มีรถ และก็ได้เจอคันนี้ พี่เขาจอดตรงที่เรายืนโบก ลดกระจกและพูดว่า " ขึ้นมาเลยพี่ นี่ลูกเมียผมเอง"!

... เห้ยย เอาจริงดิ??!!..แว้บแรกเลยคือ ตกใจหมด คิดๆๆ เอาไงดีวะ ขึ้นดีไหม จะปลอดภัยไหม อีกใจก็คิดว่าเขากล้ารับ กูก็กล้าขึ้นวะ อ่ะไป!! ไม่รู้คิดไร ไปเฉย โอโหหห พอขึ้นปั๊ปเลื่อนกระจกลงทุกบาน! รับลมเย็นๆ เวลาเที่ยงคืน พร้อมกับเด็กวัยประมาณ 5 ขวบ และอีกคนประมาณ 3 ขวบ ทั้งครอบครัว 4 คน รวมกูที่เพิ่งขึ้นมา ประหนึ่งว่าเหมือนมารับลูกชายคนโต!!!

... เด็กแม่- ร็อคมาก แหกปากว้ากบนรถสุดเสียง "เปิดกระจกๆๆ! "หนูจะดูรถๆๆ!" คนแม่ก็ "มึงอย่าเอาหัวออกไป เข้ามา!!" ด่าๆ กันเสียงดัง ตลอดเส้นทาง!! อยากถ่ายมากกว่านี้นะ แต่ครอบครัวนี้คือแบบ คนขับก็คือ ไมค์ ไทสันดีๆ นี่แหละ ส่วนคนเมียก็พูดโหดเหมือนโกรธกู ลูกก็โตเป็นชาวร็อคแน่ ว้ากจัง

 

 

หนุ่มผดส.โบกแท็กซี่กลับบ้านกลางดึก ตกใจทีแรกแต่ก็ยอมไป สุดท้ายเป็นบทเรียนจำไม่ลืม

ท้ายสุดถึงบ้าน กำลังเปิดประตูลง ไอ้เด็กคนข้างหลังเรานี่เอื้อมมือมาตบไหล่เราเบาๆ และพูดว่า "โชคดีลุง" #ไอสั-สร่างเมาเลยประสบการณ์ขึ้นแท็กซี่พร้อมครอบครัวคนขับครั้งแรก" งานนี้ทำเอาชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างต่อเนื่อง 


บ้างก็เข้ามาคอมเม้นต์ว่า อบอุ่นเหมือนคนในครอบครัว บ้างก็เข้ามาคอมเม้นต์ว่านี่อาจจะกลายเป็นเรื่องสนุกๆ ตอนเที่ยงคืนก็เป็นได้

 

หนุ่มผดส.โบกแท็กซี่กลับบ้านกลางดึก ตกใจทีแรกแต่ก็ยอมไป สุดท้ายเป็นบทเรียนจำไม่ลืม