ป้าแต๋นทนไม่ไหว แฉยับ แม่น้องชมพู่ วันลูกเสีย ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่

ป้าแต๋นทนไม่ไหว แฉยับ แม่น้องชมพู่ วันลูกเสีย ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่

จากกรณีการเสียชีวิตปริศนาของ “น้องชมพู่” อายุ 3 ขวบ เหตุเกิดที่บ้านกกกอก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 63 กระทั่งไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาDNAแฝงแต่ผ่านไปเดือนกว่าแล้วก็ยังไม่สามารถคลี่คลายคดีได้

 

ล่าสุดวันที่ 8 กรกฎาคม 63 สรุปประเด็นที่ยังเป็นข้อสงสัยของทั้ง 2 ฝ่าย โดยฝ่ายแม่ชมพู่ตั้งข้อสังเกตว่า สะดิ้งไปหาน้องชมพู่ที่บ้านลุงพล ป้าแต๋นอ้างอาบน้ำอยู่ ลุงพลบอกว่า ออกจากบ้านก่อนน้องสะดิ้งมาหา ข้อมูลคลาดเคลื่อน แม่น้องชมพู่ ถามว่า รู้เรื่องน้องชมพู่หายหายตัวไป ก่อนไปรับพระได้อย่างไร ลุงพล ตอบว่า ไม่จริง พระจำคลาดเคลื่อน

แม่น้องชมพู่ ถามว่า การเดินทางจากบ้านลุงพล ไปวัดนานผิดปกติ ลุงพล ตอบว่า แวะทักทายชาวบ้านขับรถไม่เร็ว แม่น้องชมพู่ถามว่า ลุงไม่มาเผาศพ ลุงพล ตอบว่า มาร่วมงาน โดยทำหน้าที่นำน้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ

หลังจากสอบถาม นายไชย์พล วิภา ลุงของชมพู่ เปิดเผยว่า กรณีการจัดกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นไปตามหาชมพู่ ตนยอมรับว่าการมีความสงสัยอยู่ เพราะตนได้ยินว่ามีการเตรียมลิ้นจี่เอาไว้ ซึ่งตอนเอากระเป๋าขึ้นไปตนไม่เห็นลิ้นจี่ แต่แม่น้องชมพู่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า แม่เอาลิ้นจี่ออก เพราะมันเน่าแล้ว

 

ป้าแต๋นทนไม่ไหว แฉยับ แม่น้องชมพู่ วันลูกเสีย ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่

 

ทั้งนี้ ตนไม่เคยปรึกษาเรื่องนี้กับใคร ยอมรับว่าตอนที่มีคนบอกว่าเจอรองเท้า ตนไม่คิดว่าสภาพของน้องเป็นอย่างไร ตนเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารองเท้าเป็นของใคร อีกอย่างตนไม่คิดว่าสภาพหลานที่เจอจะเป็นแบบที่พบ ตนคิดว่าน้องอาจจะอิดโรย อ่อนแรง ไม่เสียชีวิต แต่สิ่งที่เห็นมันเกินภาพที่คิดเอาไว้ มันต่างกันกับสิ่งที่เจอมาก เพราะตอนแรกทุกคนโยงว่าสิ่งลี้ลับพาหลานไป

ตอนนั้นก็ไม่คิดว่าน้องชมพู่จะไปอยู่สูงขนาดนั้น คิดว่าคงอยู่จุดไหนสักแห่ง เมื่อขึ้นไปบนเขา เสื้อผ้าที่เตรียมไปก็ได้หยิบให้จนท. กระเป๋าก็วางทิ้งไว้บนเขา ตนคงตอบไม่ได้ว่ากระเป๋าเตรียมไปเพื่ออะไร ตนคงบอกเรื่องนี้ไม่ได้แต่ที่สงสัยมากที่สุดคือ ลิ้นจี่ เหมือนว่าเตรียมของไว้หลายวัน ตนไม่เคยเห็นหรือทราบเรื่องการเตรียมกระเป๋า มาทราบอีกทีก็ตอนที่พ่อน้องชมพู่เอามาให้แล้ว ตนก็ไม่ได้เปิดกระเป๋าดูว่ามีอะไร อย่างไรก็ตาม หากกระเป๋าใบดังกล่าวเตรียมไว้นาน มันแปลกแน่นอน ซึ่งตนยังไม่ได้คำตอบนี้ว่า กระเป๋าเตรียมไว้ก่อนทำไม

เมื่อสอบถามนางสมพร หลาบโพธิ์ ป้าของชมพู่ เปิดเผยว่า เรื่องกระเป๋าที่มีการเตรียมให้ในวันพบศพชมพู่ ตนมองว่าสิ่งของที่เตรียมดูไม่ค่อยจำเป็นเท่ากับการเตรียมเรื่องการแพทย์ เพราะเด็กหายไปถึง 4 วัน ซึ่งตอนแรกพยายามคิดในแง่ดีว่าพ่อแม่คงอยากให้เปลี่ยนเสื้อผ้า ตนไม่ทราบว่า พ่อแม่เด็กเตรียมกระเป๋าใบนี้ไว้นานหรือยัง ตนก็ไม่ได้สังเกต ซึ่งตนมองว่า ไม่จำเป็นสำหรับเสื้อผ้า หากเป็นน้ำ นม เครื่องปฐมพยาบาล คงเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า

 

ป้าแต๋นทนไม่ไหว แฉยับ แม่น้องชมพู่ วันลูกเสีย ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่

 

ส่วนกรณีโทรศัพท์ ตนทราบว่านางสาวิตรี เปลี่ยนโทรศัพท์ก่อนเผาชมพู่ แต่เบอร์ไม่น่าจะได้เปลี่ยน ตนไม่แน่ใจเรื่องสายปริศนา แต่เหมือนทราบว่ามีคนรับสายปริศนาอยู่ แต่ไม่แน่ใจรายละเอียด ส่วนตัวเคยรับสายโทรศัพท์ของน้องสาวครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้เป็นสายปริศนา เพียงคนโทรศัพท์มาให้คำแนะนำ

นางสมควร ยอมรับว่า ตนคือบุคคลที่ห้ามให้นางสาวิตรี ขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ ในวันที่เจอศพน้องชมพู่ การเผาศพ ตนก็เป็นคนเดียวที่คุยกับน้อง ๆ เพราะตนเคยดูข่าว ตนสงสัยว่าควรเก็บศพไว้ เนื่องจากศพหลานเปือยกาย และยังไม่มีผลชันสูตรอะไรที่แน่นอน ทำให้ตนบอกน้องสาวให้เก็บศพไว้ ซึ่งน้องๆคนอื่นๆร้องขอให้เผา ตนจึงอยากบอกว่า หากครอยครัวตนผิด จะไปร้องขอทำไม

ต่อมา นางสมควร หลาบโพธิ์ (ยายของน้องชมพู่) ได้ยอมรับว่า ประเด็นที่มีการจัดกระเป๋าให้ลุงพลขึ้นไปนั้น ทางครอบครัวก็มีการจัดกระเป๋าให้ลุงพล เพราะคิดว่าน้องชมพู่ยังมีชีวิตอยู่ และถ้าเจอน้องน้องหิว จะได้เอาขนม น้ำดื่ม และผลไม้ ให้น้องชมพู่กิน ส่วนตัวแล้วก็ไม่เคยรู้มาก่อน ว่าในกระเป๋าที่เตรียมให้น้องชมพู่นั้น มีลิ้นจี่เน่า แต่ตนคิดว่าตอนที่ครอบครัวมีการเตรียมกระเป๋านั้น

 

ป้าแต๋นทนไม่ไหว แฉยับ แม่น้องชมพู่ วันลูกเสีย ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่

 

ใครเห็นผลไม้อะไร ก็หยิบใส่กระเป๋า จึงไม่ทันดูว่ามีผลไม้เน่าหรือไม่ ตนขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด แลก็จำไม่ได้ว่าวันนั้น ใครเป็นคนเอาลิ้นจี่ใส่ในกระเป๋า เหตุการณ์วันนั้นหลังจากที่เจอศพน้องชมพู่ ตนได้ห้ามนางสาวิตรี และนายอนามัยว่า อย่าขึ้นไปเลย เดี๋ยวจะช็อก ซึ่งขนาดนายอนามัย ทราบข่าวอยู่ที่บ้าน นายอนามัยก็ยังช็อกหมดสติ จนต้องเข้าโรงพยาบาลเลย

ยายสมควร เล่าต่อว่า กรณีที่มีการเผาเสื้อผ้าน้องชมพู่ ในวันเผาศพนั้น ก็เป็นความเชื่อตามประเพณีบ้านของตน ที่เชื่อว่าถ้ามีการเปาเสื้อให้กับศพจะได้นำไปใส่ในภพภูมิหน้า ซึ่งการเผาเสื้อนั้นจะเผาหมดหรือแบ่งเผาก็ได้ ถามว่าทำไมในบรรดาพี่น้องทุกคน ยกเว้นป้าแต๋น ถึงสงสัยว่าลุงพล จะเป็นคนร้าย นางสมควรก็ตอบว่า ประเด็นนี้ตนก็ไม่รู้ว่า ลูก ๆ ของตนสงสัยลุงพลเพราะสาเหตุอะไร