เปิดคุณสมบัติของ ตะไคร้ หลังจ่อถูกขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุอันตราย

เปิดคุณสมบัติของ ตะไคร้ หลังจ่อถูกขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุอันตราย

เรียกได้ว่าเป็นประเด็นที่ค่อนข้างดุเดือด เมื่อ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมการกำหนดพืชสมุนไพร 13 ชนิด บรรจุเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 มีการณ์คาดการณ์ว่าพืชสมุนไพร 13 ชนิด ได้แก่ สะเดา, ตระไคร้หอม, ขมิ้นชัน, ชิงข่า, ดาวเรือง, สาบเสือ, กากเมล็ดชา,พริก, คื่นช่าย, ชุมเห็ดเทศ,ดองดึง และ หนอนตายหยาก

1 ใน 13 สมุนไพรมีชื่อของ “ตะไคร้” รวมอยู่ด้วยมาทำความรู้จัก คุณสมบัติ ประโยชน์ของ “ตะไคร้” ได้ที่นี่

ตะไคร้  ชื่อสามัญ คือ emongrass ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์  Cymbopogon citratus ชื่อท้องถิ่น: จะไคร (ภาคเหนือ), หัวซิงไค (ภาคอีสาน), ไคร (ภาคใต้), คาหอม (แม่ฮ่องสอน), เชิดเกรย, เหลอะเกรย (กัมพูชา,สุรินทร์), ห่อวอตะโป่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)

ตะไคร้ จัดเป็นพืชล้มลุก ในวงศ์หญ้า (Poaceae) ความสูงประมาณ 4-6 ฟุต ใบยาวเรียว ปลายใบมีขนหนาม ลำต้นรวมกันเป็นกอ มีกลิ่นหอม เป็นช่อยาวมีดอกเล็กฝอยเป็นจำนวนมาก ตะไคร้เป็นพืชที่สามารถนำส่วนต้นหัวไปประกอบอาหาร และจัดเป็นพืชสมุนไพรด้วย

สำหรับประโยชน์ ของ ตะไคร้ : ใช้ส่วนของเหง้าและลำต้นแก่ ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารที่สำคัญหลายชนิดเช่น ต้มยำ และอาหารไทยหลายชนิด ให้กลิ่นหอม มีสรรพคุณทางยาเช่น บำรุงธาตุ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ ขับลมในลำไส้ทำให้เจริญอาหาร แก้โรคหืด แก้อหิวาตกโรค บำรุงสมอง ช่วยให้สมาธิดี ต้มกับน้ำใช้ดื่มแก้อาเจียน ใช้ต้นสดโขลกคั้นเอาน้ำดื่มแก้อาการเมาในกรณีผู้ที่เมามาก ๆ ช่วยให้สร่างเร็ว ส่วนหัวสามารถใช้แก้โรคเกลื้อน ท้องอืดท้องเฟ้อ โรคนิ่ว มากไปกว่านั้นยังสามารถทำเป็นยาช่วยนอนหลับ ช่วยลดความดันสูง น้ำมันตะไคร้หอมใช้ทากันยุงได้ ถ้าปลูกใกล้ผักอื่น ๆ จะช่วยกันแมลงได้และยังให้กลิ่นหอม ที่ดับกลิ่นบางชนิดใช้ตะไคร้เป็นส่วนผสมเพราะมีกลิ่นที่หอม และที่กำจัดยุงบางชนิดก็ใช้ตะไคร้เป็นส่วนผสมด้วยเนื่องจากมีกลิ่นที่แรงจึงช่วยทำให้ไล่ยุงได้ นอกจากนี้ตะไคร้ยังแก้กลิ่นคาวหรือดับกลิ่นคาวของปลา และเนื้อสัตว์ได้ดีมาก

สรรพคุณ : ทั้งต้น ใช้เป็นยารักษาโรคหืด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะและแก้อหิวาตกโรค หรือทำเป็นยาทานวดก็ได้ และยังใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่นรักษาโรคได้ เช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร และขับเหงื่อ และมีกลิ่นฉุนสามารถไล่แมลงได้

หัว : เป็นยารักษาเกลื้อน แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ปัสสาวะพิการ แก้นิ่ว บำรุงไฟธาตุ แก้อาการขัดเบา ถ้าใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่น จะเป็นยาแก้อาเจียน แก้ทราง ยานอนหลับลดความดันสูง แก้ลมอัมพาต แก้กษัยเส้น และแก้ลมใบ ใบสด ๆ จะช่วยลดความดันโลหิตสูง แก้ไข้

ราก :  ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ ปวดท้องและท้องเสีย

ต้น : ใช้เป็นยาแก้ขับลม แก้เบื่ออาหาร แก้ผมแตก แก้โรคทางเดินปัสสาวะ ,นิ่วเป็นยาบำรุงไฟธาตุให้เจริญ แต่ถ้าเอาผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น จะแก้โรคหนองในและนอกจากนี้ยังใช้ดับกลิ่นคาวได้ด้วย

 

เปิดคุณสมบัติของ ตะไคร้ หลังจ่อถูกขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุอันตราย

 

 

ลักษณะโดยทั่วไปแบ่ง ตะไคร้ ออกเป็น 6 ชนิด ได้แก่

1.) ตะไคร้กอ
2.) ตะไคร้ต้น
3.) ตะไคร้หางนาค
4.) ตะไคร้น้ำ
5.) ตะไคร้หางสิงห์
6.) ตะไคร้หอม

เป็นพืชตระกูลหญ้า ตะไคร้ เป็นพืชที่เจริญเติบโตง่าย อาจมีทรงพุ่มสูงถึง 1 เมตร มีลำต้นที่แท้จริงประมาณ 4-7 เซนติเมตร ลำของต้นจะถูกห่อหุ้มไปด้วยกาบใบโดยรอบ ใบยาวแคบเส้นใบขนานกับก้านใบ ใบของตะไคร้อุดมไปด้วยน้ำมันหอมระเหย ที่นิยมนำมาปลูกเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่ปลูกกันโดยทั่วไป

ส่วนคุณค่าทางโภชนาการ มีดังนี้

ตะไคร้ ( 100 กรัม) มีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้

ให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่
มีโปรตีน 1.2 กรัม
มีไขมัน 2.1 กรัม
มีคาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม
มีเส้นใย 4.2 กรัม
มีแคลเซียม 35 มิลลิกรัม
มีฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม
มีเหล็ก 2.6 มิลลิกรัม
มีวิตามินเอ 43 ไมโครกรัม
มีไทอามีน 0.05 มิลลิกรัม
มีไรโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม
มีไนอาซิน 2.2 มิลลิกรัม
มีวิตามินซี 1 มิลลิกรัม
มีเถ้า 1.4 กรัม

สารสำคัญพบที่ส่วนของลำต้นและใบซึ่งมีน้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) ที่ประกอบด้วยสารจำนวนหลายชนิด ได้แก่

ซิทราล (Citral) พบมากที่สุด 75-90%
ทรานซ์ ไอโซซิทราล (Trans-isocitral)
ไลโมเนน (Limonene)
ยูจีนอล (Eugenol)
ลินาลูล (Linalool)
เจอรานิออล (Geraniol)
คาริโอฟิวลีน ออกไซด์ (Caryophyllene oxide)
เจอรานิล อะซิเตท (Geranyl acetate)
6-เมทิล 5-เฮพเทน-2-วัน (6-Methyl 5-hepten-2-one)
4-โนนาโนน (4-Nonanone)
เมทิลเฮพทีโนน (Methyl heptennone)
ซิโทรเนลลอล (Citronellol)
ไมร์ซีน (Myrcene)
การบูร (Camphor)
การปลูกและขยายพันธ์

 

เปิดคุณสมบัติของ ตะไคร้ หลังจ่อถูกขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุอันตราย

 

 

ปลูกได้การปักชำต้นเหง้า โดยตัดใบออกให้เหลือตอนโคนประมาณหนึ่งคืบ นำมาปักชำไว้สักหนึ่งสัปดาห์ก็จะมีรากงอกออกมา แล้วนำไปลงแปลงดินที่เตรียมไว้ หรืออาจใช้วิธีเอาโคนปักลงไปที่ดินซึ่งเตรียมไว้เลย ให้ห่างประมาณหนึ่งศอก ถ้าปลูกในกระถางใช้วิธีปักโคนลงในกระถาง ๆ ละ 2-3 ต้นก็ได้ แล้วหมั่นรดน้ำให้ชุ่มเช้าเย็น ตั้งไว้ให้โดนแดดตลอดวันจะทำให้โตได้เร็ว ตะไคร้ชอบดินร่วนซุย เป็นพืชที่ชอบน้ำ ชอบแดด ดูแลรดน้ำเสมอและโดนแดดได้ตลอดวัน เจริญได้ในดินแทบทุกชนิด เวลาจะใช้ก็ให้ตัดที่โคนสุดส่วนรากเลย แล้วถอนออกมาทั้งต้นตามต้องการ ต้องคอยตรวจดูเมื่อตะไคร้มีกอเจริญเติบโตได้เต็มที่แล้ว ต้องถอนทิ้งหรือแยกออกไปปลูกใหม่บ้างหรือเอาไปใช้บ้าง จะนำมาหั่นเป็นฝอย ๆ ตากลมไว้ให้แห้งสนิทแล้วแพ็คเก็บไว้ใช้ได้นาน ๆ เพื่อให้ต้นอ่อนโตขึ้นมาใหม่ ถ้าไม่แยกออกไปต้นจะเล็กและลีบลงเรื่อย ๆ และบางที่ก็แคระแกร็น ต้นและกอก็จะโทรม ต้องล้างและปลูกใหม่ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นการแตกหน่อทำให้การปลูกและการขยายพันธ์ได้ง่าย

ตะไคร้มีถิ่นกำเนิด ในประเทศอินโดนีเซีย,ศรีลังกา,พม่า,อินเดีย,ไทย,ในทวีปอเมริกาใต้ และ คองโก

วันนี้ 15 ก.ค.นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ เข้ายื่นจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีผ่าน นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่เห็นด้วยกับประกาศให้ให้พืชสมุนไพรทั้ง 13 ชนิด ซึ่งมีรายชื่อ ตะไคร้ รวมอยู่ด้วย และ ขึ้นทะเบียนตะไคร้เป็นวัตถุอันตราย ไม่ว่าเป็นประเภทที่ 1 หรือ 2 ก็ตาม เพราะพืชสมุนไพรไม่ใช่วัตถุ และเป็นสมุนไพรพื้นบ้านมาแต่โบราณกาลใช้ในการประกอบอาหารนานาชนิด และมีผลในการรักษาโรคแผนโบราณ

ที่มา : วิกิพีเดีย