เปิดผลกระทบจาก "คดีน้องชมพู่"

จากกรณี น้องชมพู่ เด็กหญิงอายุ 3 ขวบ ที่หายออกจากบ้านพัก ที่บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. 2563 และมาพบศพน้องชมพู่ วันที่ 14 พ.ค. 63 บริเวณภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพักประมาณ 3 กม. ลักษณะไม่สวมเสื้อ จนกลายเป็นมหากาพย์ตามล่าหาคนร้ายตัวจริง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

จากกรณี น้องชมพู่ เด็กหญิงอายุ 3 ขวบ ที่หายออกจากบ้านพัก ที่บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. 2563 และมาพบศพน้องชมพู่ วันที่ 14 พ.ค. 63 บริเวณภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพักประมาณ 3 กม. ลักษณะไม่สวมเสื้อ จนกลายเป็นมหากาพย์ตามล่าหาคนร้ายตัวจริง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

เปิดผลกระทบจาก "คดีน้องชมพู่"

 

ยายลอง ชาวบ้านกกกอก บอกว่า วิถีชีวิตของชาวบ้านเปลี่ยนไป ไปไหนมาไหนก็ลำบาก ทำมาหากินส่วนใหญ่ก็กลัว เพราะว่ายังจับคนร้ายไม่ได้ และทำไร่ทำนาลงแขกก็ไม่ได้ ถ้าไม่มีเรื่องของน้อง ชาวบ้านก็ลงแขกดำนาช่วยกันทั้งหมู่บ้าน ตอนนี้ก็รอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เรื่องคดีชมพู่ก็นานแล้ว 
 

เปิดผลกระทบจาก "คดีน้องชมพู่"

 

จากชาวบ้านที่กลัวก็ไม่กลัวแล้ว ตอนนี้ส่วนใหญ่ก็ออกไปทำมาหากินแล้ว พวกชาวบ้านเขาก็เดือดร้อน แม่ชมพู่เขาไม่เดือดร้อน เขาสบาย ไปโน่นนี่นั่นก็มีคนพาไป เขาไม่ได้ทำไร่ทำนาเขามี 3 คนพ่อแม่ลูก เขาไม่ลำบากหรอก แต่ส่วนใหญ่ชาวบ้านก็ลำบาก

 

เปิดผลกระทบจาก "คดีน้องชมพู่"

 

ยายลอง บอกอีกว่า ตนเองรู้จักลุงพลมาหลายปีแล้ว  เป็นไปไม่ได้ การันตีเลยว่าลุงพลไม่ใช่ฆาตกร และยายก็ไม่คิดว่าเป็นคนในหมู่บ้านกกกอก คนในหมู่บ้านไม่มีคนใจดำ มีแต่คนช่วยเหลือเผื่อแผ่กัน มีแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ คิดว่ามันต้องเป็นคนอื่น คนที่ครอบครัวน้องรู้จัก ถ้าพวกค้ายาเสพติดมันทำ 

 

เปิดผลกระทบจาก "คดีน้องชมพู่"
 

มันต้องทิ้งหลักฐานไว้ เพราะว่ามันเป็นคนสะเพร่านะ มันกินมันยังทิ้งมูลฝอยให้เห็น ยายว่าไม่ใช่หรอก ถ้ามันร่วมมือลากขึ้นไปอาจจะใช่ ถ้าให้มันทำ ไม่ใช่หรอก เป็นคนละเอียดวางแผนไว้ล่วงหน้าตั้งนานแล้ว พวกแม่ไปหาเสื้อเป็นเดือนยังไม่เจอเลย

 

เปิดผลกระทบจาก "คดีน้องชมพู่"