ลูกจ้างโรงงานยาสีฟัน ใช้งบหลักร้อย แก้ปัญหาที่ CEO ต้องใช้เงินมหาศาลหลักร้อยล้าน

ลูกจ้างโรงงานยาสีฟัน ใช้งบหลักร้อย แก้ปัญหาที่ CEO ต้องใช้เงินมหาศาลหลักร้อยล้าน

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก สมองไหล โพสต์เรื่องราวที่น่าสนใจและมีชาวเน็ตแชร์ออกไปเป็นจำนวนมากโดยมีเนื้อหาระบุว่า… บริษัทผลิตยาสีฟันเเห่งหนึ่ง ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าจำนวนมาก ว่าพวกเขาได้รับกล่องยาสีฟันเปล่าที่ไม่มียาสีฟันอยู่ข้างใน

เมื่อทาง CEO ของบริษัทได้รับทราบเรื่องนี้ จึงรีบเรียกฝ่ายวิศวกรเข้ามาประชุมเพื่อหาทางเเก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น !

หลังจากประชุมกันอยู่นานก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า “ในกระบวนการสุดท้ายก่อนที่สินค้าจะถูกส่งออกไปขายนั้น กล่องยาสีฟันทั้งหมดจะวิ่งผ่านด้วยสายพานความเร็วสูง มันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะตรวจพบกล่องยาสีฟันที่ไม่มีหลอดอยู่”

เมื่อ CEO รู้อย่างนั้น จึงตัดสินใจลงทุนซื้อเครื่องชั่งความเร็วสูงราคา 250 ล้าน มาติดตั้งไว้ที่ปลายสายพาน เพื่อให้สามารถชั่งน้ำหนักกล่องยาสีฟันที่วิ่งผ่านด้วยความเร็วสูงได้ทัน

 

 

ลูกจ้างโรงงานยาสีฟัน ใช้งบหลักร้อย แก้ปัญหาที่ CEO ต้องใช้เงินมหาศาลหลักร้อยล้าน

 

 

เพราะฉะนั้น ต่อจากนี้ถ้าเครื่องชั่งน้ำหนักตรวจพบว่ามีกล่องเปล่าหลุดรอดออกมา สายพานจะหยุดทันที เพื่อให้คนงานเดินมาคัดกล่องเปล่านั้นออก แล้วค่อยกดปุ่ม reset ให้สายพานทำงานต่ออีกที

หลังจากที่ติดตั้งเครื่องชั่งน้ำหนักนี้ ผลที่ออกมานั้นเป็นที่พอใจมาก เพราะบริษัทไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าอีกเลย

หลังจากผ่านไป 1 เดือน CEO ก็ได้รับรายงานสรุปเเผนการผลิตอีกครั้ง เเต่เขาก็ต้องเเปลกใจเพราะในรายงานระบุว่า “เครื่องชั่งสุดไฮเทคนี้ไม่เคยตรวจพบกล่องเปล่าเลยเเม้เเต่ครั้งเดียว”

CEO ท่านนี้จึงขอเข้าไปตรวจดูโรงงานสักหน่อย ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเครื่องชั่งราคา 250 ล้าน ไม่ตรวจพบกล่องเปล่าเลย

เมื่อ CEO เดินทางไปถึงโรงงาน เขาก็พบกับพัดลมตัวเล็กๆ ราคา 250 บาท วางอยู่ที่ใกล้ๆเครื่องชั่ง ราคา 250 ล้าน

CEO จึงเดินเข้าไปถามคนงานว่า “คุณเอาพัดลมมาตั้งไว้ตรงนี้ทำไม ?“

คนงานจึงตอบว่า “ผมใช้พัดลมตัวนี้ เป่ากล่องเปล่าออกไป เพราะว่าถ้ามีกล่องเปล่าผ่านเข้าไปตรงเครื่องชั่งตัวนี้ สายพานจะหยุดการทำงาน ซึ่งเขาขี้เกียจเดินไปกดปุ่ม reset ใหม่”

CEO ถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ เพราะเขาเพิ่งจัดการกับปัญหานี้ไปด้วยเงิน 250 ล้าน เเต่คนงานกลับเเก้ปัญหาเดียวกันด้วยเงินเพียง 250 บาท

หลายครั้งปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงเเค่ ”เส้นผมที่บังภูเขา” เเต่กลับมองไม่เห็น เพราะการนั่งเเก้ปัญหาอยู่บนออฟฟิศอย่างเดียวนั้นไม่อาจทำให้เข้าใจเรื่องหน้างานที่เกิดขึ้นได้อย่างเเท้จริง !