เปิดเบื้องหลังสุดสะเทือนใจ เลือดสีน้ำเงินของแมงดาสามารถขายได้ลิตรละ 4 แสน แต่วิธีการที่จะได้มันมา สุดแสนทรมาน

เปิดเบื้องหลังสุดสะเทือนใจ เลือดสีน้ำเงินของแมงดาสามารถขายได้ลิตรละ 4 แสน แต่วิธีการที่จะได้มันมา สุดแสนทรมาน

ถ้าพูดถึงแมงดาทะเล หลายๆ คนอาจเปรี้ยวปากอยากกินยำไข่แมงดานะครับ แต่ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งก็คือสัตว์ที่หน้าตาแบบนี้มาเป็นล้านปีชนิดนี้ คนในประเทศอื่นๆ เขาไม่เอามากินกัน (ซึ่งจริงๆ ก็กินกันแต่แถวๆ บ้านเราและจีนในบางโซนเท่านั้น ซึ่งบ้านเราถือว่าดังสุด เพราะกินกันแบบกว้างขวาง) แต่ถ้าจับมาได้เขาใช้เป็นพวกเหยื่อตกปลาหรือไม่ก็เป็นปุ๋ย
 

เปิดเบื้องหลังสุดสะเทือนใจ เลือดสีน้ำเงินของแมงดาสามารถขายได้ลิตรละ 4 แสน แต่วิธีการที่จะได้มันมา สุดแสนทรมาน

.พูดง่ายๆ คือเมื่อก่อนมันแทบจะเป็นสัตว์ที่ไม่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจใดๆ เลย
.
…จนเมื่อไม่นานมานี้ เลือดของมันถูกใช้ในทางการแพทย์ และมันมีมูลค่ามหาศาล
.
ถ้าจะประเมินคร่าวๆ เลือดแมงดาทะเลสดๆ มีมูลค่าถึงราวลิตรละ 400,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งบางคนก็ถึงกับบอกว่านี่คือเลือดของสิ่งมีชีวิตที่ราคาแพงที่สุดในโลกเลยทีเดียว
.
ทำไมเลือดมันถึงมีมูลค่ามากขนาดนั้น มันมีสรรพคุณอะไรกัน?
.
ถ้าจะพูดสั้นๆ ง่ายๆ เลือดแมงดาทะเล มันมีสารที่สามารถตรวจจับเชื้อโรคได้ดีที่สุดในโลก
.
คิดว่าเราคงไม่เคยเห็นเลือดแมงดาทะเลกันแน่ๆ ครับ แต่ถ้าเคยเห็น เราจะเห็นว่าเลือดของมันเป็นสีฟ้า ส่วนที่เป็นสีฟ้าของมันนี่แหละครับตัวสร้างสรรพคุณ
.
เนื่องจากแมงดาทะเลอาศัยอยู่ในน้ำตื้น ซึ่งเต็มไปด้วยเชื้อโรค มันเลยวิวัฒนาการสร้างเซลล์เฉพาะของมันเอาไว้ตรวจจับเชื้อโรคต่างๆ มาในเลือด ซึ่งเลือดของมันก็มีสรรพคุณคือ ถ้าเจอเชื้อโรคปุ๊บ มันจะสร้างเจลห่อหุ้มเชื้อโรคไว้เลย ไม่ให้เชื้อโรคมันแพร่กระจาย และองค์ประกอบในเลือดที่ว่านี้มันมีโมเลกุลของทองแดงเป็นหลัก มันก็เลยทำให้เลือดเป็นสีฟ้า
.
จริงๆ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบสรรพคุณของเลือดแมงดาทะเลที่ว่านี้มากว่า 50 ปีแล้ว แต่ก็มาช่วงหลังๆ นี่เองที่จะเริ่มเอาเลือดแมงดาทะเลมาพัฒนาเพื่อใช้ในทางการแพทย์จริงจังขึ้นเรื่อยๆ
.
เบื้องต้น ขนาดสารที่ทำจากเลือดแมงดาทะเลเจือจาง มันก็มีความสามารถในการตรวจจับเชื้อโรคได้น่าจะมากกว่าสารใดๆ ในโลก และสารนี้ก็ใช้เสริมในกระบวนการ “ฆ่าเชื้อ” เครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ ก่อนนำมาใช้กับผู้ป่วย เพราะเชื้อหลายๆ ตัวที่คนรับเข้าไปนิดเดียวก็อันตรายถึงตาย นั้นบางทีใช้กระบวนการฆ่าเชื้อปกติก็ยังมีความเสี่ยง แต่ถ้าผ่านการตรวจสอบว่าปลอดเชื้อด้วยเลือดแมงดาทะเลแล้วมันก็จะชัวร์ขึ้นอีกมาก
.
เท่านั้นยังไม่พอ ความสามารถในการตรวจจับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมระดับสุดยอดของเลือดแมงดาทะเลยังสามารถนำไปวิจัยต่อเพื่อพัฒนาวิธีการรักษาโรคจากไวรัสบางชนิด ไปจนรักษามะเร็ง ซึ่งไม่เคยทำมาก่อนได้อีกด้วย
.
…ได้ยินแบบนี้ คงจะไม่แปลกใจใช่มั้ยครับว่าเลือดแมงดาทะเลถึงมีมูลค่าขนาดนี้
.
…แต่นั่นก็เป็นภัยต่อแมงดาทะเลอยู่
.
…เพราะอย่างน้อยๆ จำนวนแมงดาทะเลในอ่าวเดลาแวร์ของอเมริกาซึ่งเป็นอ่าวที่มีแมงดาทะเลชุกชุมที่สุดนั้นลดลงถึง 75 – 90 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียวในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา (แม้ว่าจริงๆ จะเริ่มมีการเก็บเกี่ยวเลือดพวกมันมาเป็นเวลา 30 ปีแล้ว)
.
ซึ่งในกระบวนการ เขาก็ไม่ได้ดูดเลือดมันไปจนตายครับ หลักการที่ทำมาตลอดคือการบังคับให้มัน “บริจาคเลือด” มาบางส่วน (ราวๆ 1 ใน 3) แล้วปล่อยกลับลงทะเลไป
.
แต่ในความเป็นจริงที่ผ่านมา แมงดาทะเลราวๆ 1 ใน 3 ที่กลับลงทะเลไปจะไม่รอด จำนวนมันเลยลดลงเรื่อยๆ จนน่าใจหาย
.
ดังนั้นก็จึงไม่แปลกที่หลังๆ คนเริ่มพยายามหาวิธีจะทำให้มันไม่ตาย ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการที่ทำให้มันไม่ต้องอยู่นอกน้ำนานเกินไป หรือการดูดเลือดมันมาน้อยลงก่อนปล่อยลงทะเล
.
ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่เล่ามาทั้งหมดฟังแล้วก็อาจสงสัยนะครับว่าถ้าเลือดมันมีมูลค่ามากขนาดนี้ ทำไมคนไทยไม่เอาเลือดมันมาขายบ้าง? เพราะแมงดาทะเลบ้านเราก็เยอะ
 

เปิดเบื้องหลังสุดสะเทือนใจ เลือดสีน้ำเงินของแมงดาสามารถขายได้ลิตรละ 4 แสน แต่วิธีการที่จะได้มันมา สุดแสนทรมาน

.

ในความเป็นจริง แมงดาทะเลบ้านเราเป็นคนละพันธุ์กับในอเมริกา แต่เลือดก็ถือว่ามีสรรพคุณเหมือนกัน และเท่าที่ค้นมา ก็ยังไม่มีห้องแล็บเมืองไทยที่เอาแมงดาทะเลมาสูบเลือดขายกันเป็นล่ำเป็นสัน และแมงดาทะเลในบ้านเราส่วนใหญ่ก็จะมีปลายทางมาที่ร้านจำพวกทะเลเผา (ทั้งนี้แล็บใกล้สุดที่เอาแมงดาทะเลมาสูบเลือดอย่างเป็นล่ำเป็นสันน่าจะอยู่ที่จีน)
.
ส่วนทำไมไม่มี เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ เพราะเดาว่าการทำห้องแล็บระดับนี้ มันต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูง ระดับที่บ้านเราไม่มี (เช่นเดียวกันกับอีกหลายๆ เทคโนโลยี) และบริษัทต่างชาติก็อาจไม่รู้สึกว่าถ้าจะมาลงทุนทำโรงงานสูบเลือดแมงดาที่บ้านเราอาจจะไม่คุ้มเท่าที่อื่นก็ได้

Cr.BrandThink