คุณตาขี่จยย.กว่า 300 กม.จะมางานศพหลาน เจอญาติพูดตอกหน้าจนเหมือนฟ้าผ่ากลางใจ เล่าไปก็ร้องไห้ไป

คุณตาขี่จยย.กว่า 300 กม.จะมางานศพหลาน เจอญาติพูดตอกหน้าจนเหมือนฟ้าผ่ากลางใจ เล่าไปก็ร้องไห้ไป

เรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อสมาชิกเฟซบุ๊กชื่อคุณRachot Wangkahart ได้เจอกับคุณตาคนหนึ่งที่นอนหลับอยู่ข้างถนน คุณตาเล่าว่าจะมางานศพหลาน แต่สุดท้ายต้องกลับออกมาทั้งน้ำตา

" ถึ ง ที่ แ ล้ ว แ ต่ ไ ม่ ถึ ง ห ล า น "

12/8/63 01.05 น. ณ ขอนแก่น
ผมแวะเข้าห้องน้ำปั๊ม ระหว่างทางที่ขี่มอไซค์ฯกลับบ้าน หลังจากไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ขณะผมจอดรถ ชายสูงอายุคนนึง ขี่มอไซเวฟ สีส้มเก่าๆ ไฟท้ายไม่มี เบาะรถถูกหุ้มด้วยกระดาษ ขับตรงเข้ามาหาผม วินาทีแรก ผมคิดว่าเป็นคนเมา มาขอเงินแน่ๆ ผมรีบสร้างการ์ดป้องกันตัวทันที พยายามชิงพูด และถามก่อน
"ตามีอะไร?"
"ตามาจากไหน?"
"บ้านตาอยู่ไหน?"

บ้านตาอยู่บุรีรัมย์......ไม่ตา ผมหมายถึงบ้านตาที่ขอนแก่นอยู่ที่ไหน ทำไมไม่กลับบ้านมันดึกแล้ว

บ้านตาอยู่บุรีรัมย์ ตามางานศพหลานที่เพิ่งจมน้ำ เมื่อกี้ตาหลับอยู่ แล้วยุงกัด และเห็นรถเราพอดี ตาคิดว่ารถตำรวจ เพราะเห็นคันใหญ่ๆมีไฟ ตาจะให้ตำรวจช่วยหาที่นอน จะเป็นโรงพัก หรือวัดก็ได้ เพราะตาไม่รู้ทาง

หลังจากดูบุคลิกท่าทางของตาซักระยะ ผมคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร เลยพูดคุยซักถามที่มาที่ไป...

ตาเล่าว่า....ตาได้ข่าวว่าหลานชายอายุ 15 จมน้ำตาย จากการที่ญาติไลน์มาบอกลูกสาว ตาขี่รถมอไซออกมาจากบ้านที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ประมาณ5โมงเช้า มีเงินติดตัวอยู่ 300 บาท ไม่ได้บอกลูกและภรรยา บอกแต่คนข้างบ้านว่าจะไปหาหลาน ขี่มาเรื่อยๆจนถึงขอนแก่นระยะทางเกือบ 300 กิโลเมตร มาถึงขอนแก่นประมาณ5โมงเย็น ขี่ตรงเข้าไปบ้านน้องสาวก่อนเพราะไม่รู้สถานที่จัดงาน พร้อมเข้าไปกราบเท้าพ่อที่ป่วยเป็นโรคหอบตามที่ตั้งใจไว้ เพราะไม่ได้เจอกันมาถึง3ปี หลังจากเยี่ยมพ่อเสร็จ ก็ได้เจอน้องสาว แต่คำพูดแรกที่น้องสาวทักคือ "มาทำไม จะมาทวงเงินเหรอ?" เหมือนฟ้าผ่ากลางหัวใจ ตาบอกทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่เดินไปค้อมมอไซค์แล้วรีบขี่ออกมา พร้อมกับความน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่รู้จะไปไหน คิดว่าต้องกลับบ้านที่บุรีรัมย์ ขี่ออกมาซักพัก เริ่มค่ำ ขี่ไม่ไหว ไฟท้ายรถก็ไม่มี เลยจอดนอนที่ปั๊ม แล้วก็มาเจอหลานที่แหละ

"ตามาถึงที่แล้ว แต่ตาไปไม่ถึงหลาน" ตาพูดพร้อมน้ำตา
ทำไมเค้าพูดกับตาแบบนี้ พรุ่งนี้ตาตั้งใจจะไปถอนเงินที่ ธกส. .....พร้อมหยิบสมุดบัญชีขาดๆออกมาโชว์ ตามีเงิน600 ว่าจะถอนออกมาช่วยงาน
"ตาเตรียมเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบเล็กๆ 2 3ชุด ตั้งใจจะนอนกับญาติพี่น้อง แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมานอนปั๊มแบบนี้" น้ำตาของตาเริ่มไหลอีก...
 

เดี๋ยวผมเปิดห้องพักให้ครับตา จะได้นอนพักก่อน ขี่ต่อมันอันตราย รถบบรรทุกมันเยอะ..... ผมเสนอความช่วยเหลือ

...ไม่เป็นไร ตาไม่ได้จะขออะไร ตาแค่อยากมีคนคุยด้วย ตากำเงินเหรียญออกมาให้ดู...ตาพอจะมีอยู่ เมื่อเช้าตามีเงิน 300 บาท เติมน้ำมันเต็มถัง และกินข้าวไป1มื้อ 30 บาท ซื้อหน้ากากอนามัยอันนึง เพราะกลัวโดนจับ ตอนนี้เติมน้ำมันเต็มถังไปอีกรอบ เพื่อเตรียมขี่กลับ เหลือเงินประมาณ40บาท ก็น่าจะพอ

เอางี้ตา!! ผมขอแลกเงินตา ผมเอาบาทนึง แลกกับร้อยนึง ผมพูดพร้อมกับหยิบเงินในมือตามาบาทนึง และยืนแบงค์ร้อยให้หนึ่งใบ ตาร้องไห้อีกครั้ง พร้อมถอดพระในคอออกมาให้1องค์...หลานเก็บไว้นะ

แล้วตาขี่มายังไงไม่ใส่หมวก ไม่กลัวตำรวจจับ? ... ตาไม่มี มีแต่หมวกทำนา ถ้าตำรวจจับก็จะบอกว่ากลับมาจากทำนา

"ตา!! งั้นรออยู่นี่ก่อนนะ ผมเข้าบ้านก่อน เดี๋ยวผมกลับมาหา"... ผมกลับมาพร้อมหมวกกันน๊อค 1ใบ ไฟกระพริบสีแดงสำหรับติดจักรยาน และยื่นให้ตา "ผมให้ครับตา."... ตาน้ำตาซึมอีกแล้ว "ทำไมต้องเป็นเราที่มาพูดดีและทำดีกับตา" เอาน่าตา อย่างน้อยผมก็ยังอยากให้ตามีความทรงจำที่ดีที่ขอนแก่นอยู่....

เราคุยกันอีกซักพัก ตาชวนผมไปบ้าน ให้แวะหา ถ้าผ่านไปทางนั้น ผมบอกให้ตานอนพักก่อน พร้อมเขียนเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้เผื่อระหว่างทางมีอะไรจะได้มีเบอร์ให้โทรติดต่อ(ตาไม่มีโทรศัพท์ทำหายตอนไปนา จำเบอร์ใครไม่ได้) และผมขออนุญาติถ่ายรูปบัตรเอกสารคุณตาไว้ เผื่อมีกรณีฉุกเฉิน.....หลังจากนั้นเราก็แยกย้าย

ผมไม่รู้นะ ผมอาจจะโดนหลอก สิ่งที่ตาเล่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เรื่องภายในครอบครัวของตาจะเป็นยังไงผมไม่ก้าวเกี่ยว ผมรู้แค่ว่า...เมื่อต้นเดือนมีข่าวการจมน้ำตายของเด็กอายุ 15 จริง!!

ไม่ว่าจะยังไง....ถ้าผลบุญจากเหตุการณ์นี้เกิดและมันมีจริง ผมขอส่งผลบุญนี้ทั้งหมด ไปให้ถึงหลานตา แทนการไปไม่ถึงหลาน....ของตา

...เดินทางปลอดภัย ทั้งตา ทั้งหลาน ครับ...

อัพเดทล่าสุด
12/8/63
17.27 น. ตายืมโทรศัพท์ร้านค้าข้างทางโทรกลับมาขอบคุณ และบอกว่าอีก 9 กม.จะถึงบ้าน
18.15 คุณตาถึงบ้านแล้ว ปลอดภัย ใช้เบอร์ของ อบต หมู่บ้านโทรมา และอบต. แจ้งผมว่า หลานได้เสียชีวิตตามที่เป็นข่าวจริง

13/8/63
17.15 ขอแก้ไข และเพิ่มเติมข้อมูล
 พ่อของคุณตาไม่ได้ป่วยติดเตียง แต่ป่วยเป็นโรคหอบหืด(ผมแก้ไขให้แล้ว) ส่วนเรื่องที่มีญาติหลังไมค์มาเล่าเรื่องภายใน ผมขอไม่ยุ่งเกี่ยว เพราะบทความผมไม่ได้มีเจตนาคุยเรื่องภายในความครัวอยู่แล้ว ผมแค่เล่าเหตุการณ์ที่ผมอยู่กับคุณตา และแก้ไขปัญหา ในช่วงเวลานั้น

ผมขออนุญาติลบคอมเม้นที่แสดงถึงความแตกแยก พูดว่าร้าย ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผมไม่มีเจตนาเช่นนั้น เพราะผมก็ไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริงเช่นกัน (ผมไม่คิดว่าบทความจะถูกส่งต่อเยอะขนาดนี้)

ลูกสาว และลูกชายของคุณตา ติดต่อมาขอบคุณผม เค้าน่ารักมาก ส่งรูปที่ถ่ายกับคุณตามาให้ดูด้วย ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกัน ลูกสาวแค่ขอให้ช่วยลบรูปคุณพ่อที่นอนกอดหมวก เพราะลูกสาวเห็นแล้วสงสารพ่อ

ปล. ผมเขียนเพื่อบันทึกเป็นเรื่องราว และถ่ายทอดมุมมองของชีวิต ไม่มีเจตนาพาดพิงใครนะครับ

 

คุณตาขี่จยย.กว่า 300 กม.จะมางานศพหลาน เจอญาติพูดตอกหน้าจนเหมือนฟ้าผ่ากลางใจ เล่าไปก็ร้องไห้ไป

 

คุณตาขี่จยย.กว่า 300 กม.จะมางานศพหลาน เจอญาติพูดตอกหน้าจนเหมือนฟ้าผ่ากลางใจ เล่าไปก็ร้องไห้ไป

 

ขอบคุณ Rachot Wangkahart