- 18 ส.ค. 2563
พ่อแทบขาดใจ ลูกสาวคนเล็กหายตัว 13 ปี หวั่นเป็นเหยื่อกรณีหีบเหล็ก ทิ้งเบาะแสสุดท้ายน่าสงสัย
"ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา" ได้โพสต์ข้อความและเนื้อหาดังนี้
หลังขึ้นมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ
จากนั้นเธอหายตัวไปอย่างลึกลับ
คุณตาเคยขึ้นมาตามเรื่องตั้งแต่ลูกสาวหายไปปีแรก
จากนั้นไม่มีข่าวคราว ไม่มีความคืบหน้า
หลังข่าวใหญ่พบศพหญิงนิรนาม
ในคดีไอซ์หีบเหล็กเมื่อต้นปี
คุณตากลัวลูกตกเป็นเหยื่อลักษณะนั้น
คุณตาแจ้งมูลนิธิกระจกเงา ช่วยติดตามเรื่อง
แต่เจอวิกฤติโควิดทำให้เรื่องหยุดชะงักไป
.
พรุ่งนี้คุณตาจะเดินทางจากร้อยเอ็ดมากรุงเทพฯ
ยื่นหนังสือติดตามคดีกับ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล4
และติดตามเรื่องที่ สถานีตำรวจนครบาลบางชัน
“ตอนหนุ่มๆเคยไปขับแท็กซี่ที่กรุงเทพฯ ส่งลูกเรียนหนังสือ อยู่ร้อยเอ็ดมันไม่มีงานทุกวันนะ แต่ครอบครัวต้องใช้เงินทุกวัน ส่งลูกสาว 3 คนเรียน อาทิตย์นึงต้องมีหลายพันส่งให้เขา ตอนนั้นก็ขับทุกวันนะ ไม่มีวันหยุด เพราะ มันหยุดไม่ได้ ขับตั้งแต่บ่ายสามถึงตีห้า พ่อแทบไม่ได้ใช้เงินเลย ส่งค่าเช่ารถ กินนิดๆหน่อยๆ แล้วก็ส่งกลับมาบ้านหมด ให้ลูกเรียนหนังสือ
.
“มันก็เหนื่อยนะ แต่ทนไหว ไม่เคยท้อนะ มันภูมิใจมากกว่าที่ส่งเขาเรียนหนังสือได้ครบทั้งสามคน พอหน้าทำนาก็กลับมาเกี่ยวข้าวที่บ้าน เสร็จนาก็ไปขับแท็กซี่ต่อ ขับเกือบสิบปี จนคนโตกับคนรองเขาเรียนจบ ก็เหลือแต่แวว(คนหาย) ที่กำลังเรียนอยู่
.
“พ่อรักลูกทุกคนนะ แต่กับแววนี่ เขาเป็นลูกคนสุดท้องไง ก็รักและห่วงเขามาก คือ เขาเป็นคนเล็กก็จะเอาแต่ใจหน่อย อยากได้อะไรพ่อก็จะพยายามหาให้นะ ตอนเขายังเรียนที่ร้อยเอ็ด เขาติดเพื่อนมาก จนย้ายโรงเรียนบ่อย พ่อก็ไม่เคยโกรธลูกนะ พยายามเข้าใจเขา มันก็ตามวัย ได้แต่ถามเขาแบบยิ้มๆ นะ “โอ้ย คือย้ายโรงเรียนบ่อยแท้ลูก”(หัวเราะ)
.
“จนเขาไปเรียนมหาลัยที่กรุงเทพฯ เขาไปเองเลยนะ แววเขาเก่ง เราไม่ต้องไปส่งไปอะไรเลย เขาจัดการตัวเองหมดที่อยู่ที่กินที่เรียน ตอนนั้นพ่อกลับมาทำนาที่บ้านแล้ว ก็ส่งให้เขาด้วยส่วนหนึ่ง เขากลับมาบ้านแต่ละครั้งก็จะซื้อของที่พ่อแม่ชอบมาฝากตลอดนะ เขารู้ว่าพ่อชอบกินอะไร แม่ชอบกินอะไร
.
“จนวันหนึ่ง แฟนเขาโทรมาถามว่าแววกลับมาบ้านมั้ย เหมือนลูกสาวเราหายไปจากที่พัก พ่อก็ว่าเขาไม่ติดต่อมาเลย แต่ด้วยนิสัยเขา แรกๆก็คิดว่า เดี๋ยวเขาคงกลับมา อาจไปอยู่กับเพื่อนหรือเปล่า จนผ่านมาระยะหนึ่ง มันแปลกๆแล้ว ก็เริ่มไปตามหา ถามข่าวจากเพื่อนสนิทเขาที่ร้อยเอ็ดก่อน แต่ไม่มีใครติดต่อแววได้เหมือนกัน ตอนนั้นพ่อมืดแล้ว ไม่รู้จะไปตามหาเขาที่ไหน
.
“เคยขับแท็กซี่ที่กรุงเทพฯ ก็จริงนะ แต่มันไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ไปตามหาที่ไหน จะเข้ากรุงเทพฯ มันก็ต้องใช้เงิน จะกินอยู่ พักที่ไหน มันต้องคิดอีก ก็รอข่าวเขา จนไม่ไหวแล้ว เลยขึ้นไปตามที่กรุงเทพฯ หลังเขาไม่ติดต่อมาหลายเดือนแล้ว
.
“ตอนนั้นก็ไปกองปราบเลย อยู่แถวแดนเนรมิต ก็เตรียมเอกสารภาพถ่ายไป เล่าให้ตำรวจฟัง โชคดีมีนักข่าวมาช่วยทำข่าวให้แต่ก็เงียบ ไม่มีเบาะแสเลย ก่อนกลับตำรวจแนะนำพ่อบอกให้ไปร้องที่มูลนิธิปวีณาฯ พ่อก็ไปตามที่ตำรวจแนะนำนะ
.
“แล้วมันเงียบมากเลยนะ เป็นสิบปีแล้วไม่เคยได้ยินข่าวเขาอีกเลย ไม่มีการติดต่อ พ่อไปเช็คทะเบียนราษฎร์เขาไม่มาต่อบัตรประชาชน ไม่ทำอะไรทางทะเบียนอีกเลย คราวนี้เวลาดูข่าวคนฆ่ากันตาย ก็กลัวว่าจะเป็นลูกสาวเราหรือเปล่า ลูกเราจะโดนแบบนี้มั้ย เขาจะมีอันตรายหรือเปล่า ได้แต่ภาวนา ว่าอย่าให้เขาเป็นอะไร ให้ปลอดภัยกลับบ้านมาหาพ่อแม่
.
“มันได้แต่รอ ไม่รู้จะทำยังไง จะไปตามหายังไงพ่อก็แก่แล้ว เตรียมใจไว้ตลอด แต่มันไม่ลืม ไม่เคยลืม มันทุกข์อยู่ในใจ รอเขานะ บางทีคิดว่า เดี๋ยวสงกรานต์ปีใหม่ แววจะกลับมาบ้านแบบลูกบ้านอื่น ถนนหน้าบ้านนี่ รถทัวร์จากกรุงเทพฯ แล่นผ่านนะ คิดหวังว่าวันหนึ่งพ่อจะเห็นเขาเดินลงจากรถกลับมาบ้าน”
——-
นายสุนทร มหามาตย์
พ่อของ นางสาวสุทธิดา มหามาตย์ (แววหรือป๊อกแป๊ก) คนหาย
——-
#คนหาย!!! นางสาวสุธิดา มหามาตย์ ชื่อเล่นแวว หรือ ป๊อกแป๊ก อายุขณะหาย 24 ปี หายไปจากห้องพัก ย่านรามอินทรา กม.10 เขตคันนายาว กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2550 คนหายรูปร่างผอม สูงประมาณ 167 ซม. น้ำหนักประมาณ 49 กก. ผิวขาว ผมยาวสีน้ำตาลสวมเหล็กดัดฟัน
#แจ้งเบาะแส มูลนิธิกระจกเงา โทร. 080-775-2673
#ญาติเกรงว่า อาจตกเหยื่อกรณีหีบเหล็กในพื้นที่เพชรเกษมหรือไม่ ทีมงานได้ประสานส่งข้อมูลและดีเอ็นเอ พ่อแม่น้องแวว ให้ตำรวจ สน เพชรเกษม ตรวจเปรียบเทียบกับโครงกระดูกที่พบในกรณีดังกล่าวแล้ว ส่วนเหตุอื่นๆ หรืออาชญากรรมโดยคนอื่น ก็ยังไม่ตัดประเด็นทิ้งครับ