พ่อแทบขาดใจ ลูกสาวคนเล็กหายตัว 13 ปี หวั่นเป็นเหยื่อกรณีหีบเหล็ก ทิ้งเบาะแสสุดท้ายน่าสงสัย

พ่อแทบขาดใจ ลูกสาวคนเล็กหายตัว 13 ปี หวั่นเป็นเหยื่อกรณีหีบเหล็ก ทิ้งเบาะแสสุดท้ายน่าสงสัย

"ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา" ได้โพสต์ข้อความและเนื้อหาดังนี้

 

พ่อแทบขาดใจ ลูกสาวคนเล็กหายตัว 13 ปี หวั่นเป็นเหยื่อกรณีหีบเหล็ก ทิ้งเบาะแสสุดท้ายน่าสงสัย

 

 

หลังขึ้นมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ
จากนั้นเธอหายตัวไปอย่างลึกลับ
คุณตาเคยขึ้นมาตามเรื่องตั้งแต่ลูกสาวหายไปปีแรก
จากนั้นไม่มีข่าวคราว ไม่มีความคืบหน้า
หลังข่าวใหญ่พบศพหญิงนิรนาม
ในคดีไอซ์หีบเหล็กเมื่อต้นปี
คุณตากลัวลูกตกเป็นเหยื่อลักษณะนั้น
คุณตาแจ้งมูลนิธิกระจกเงา ช่วยติดตามเรื่อง
แต่เจอวิกฤติโควิดทำให้เรื่องหยุดชะงักไป
.
พรุ่งนี้คุณตาจะเดินทางจากร้อยเอ็ดมากรุงเทพฯ
ยื่นหนังสือติดตามคดีกับ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล4
และติดตามเรื่องที่ สถานีตำรวจนครบาลบางชัน

 

พ่อแทบขาดใจ ลูกสาวคนเล็กหายตัว 13 ปี หวั่นเป็นเหยื่อกรณีหีบเหล็ก ทิ้งเบาะแสสุดท้ายน่าสงสัย

 

 

“ตอนหนุ่มๆเคยไปขับแท็กซี่ที่กรุงเทพฯ ส่งลูกเรียนหนังสือ อยู่ร้อยเอ็ดมันไม่มีงานทุกวันนะ แต่ครอบครัวต้องใช้เงินทุกวัน ส่งลูกสาว 3 คนเรียน อาทิตย์นึงต้องมีหลายพันส่งให้เขา ตอนนั้นก็ขับทุกวันนะ ไม่มีวันหยุด เพราะ มันหยุดไม่ได้ ขับตั้งแต่บ่ายสามถึงตีห้า พ่อแทบไม่ได้ใช้เงินเลย ส่งค่าเช่ารถ กินนิดๆหน่อยๆ แล้วก็ส่งกลับมาบ้านหมด ให้ลูกเรียนหนังสือ
.
“มันก็เหนื่อยนะ แต่ทนไหว ไม่เคยท้อนะ มันภูมิใจมากกว่าที่ส่งเขาเรียนหนังสือได้ครบทั้งสามคน พอหน้าทำนาก็กลับมาเกี่ยวข้าวที่บ้าน เสร็จนาก็ไปขับแท็กซี่ต่อ ขับเกือบสิบปี จนคนโตกับคนรองเขาเรียนจบ ก็เหลือแต่แวว(คนหาย) ที่กำลังเรียนอยู่
.
“พ่อรักลูกทุกคนนะ แต่กับแววนี่ เขาเป็นลูกคนสุดท้องไง ก็รักและห่วงเขามาก คือ เขาเป็นคนเล็กก็จะเอาแต่ใจหน่อย อยากได้อะไรพ่อก็จะพยายามหาให้นะ ตอนเขายังเรียนที่ร้อยเอ็ด เขาติดเพื่อนมาก จนย้ายโรงเรียนบ่อย พ่อก็ไม่เคยโกรธลูกนะ พยายามเข้าใจเขา มันก็ตามวัย ได้แต่ถามเขาแบบยิ้มๆ นะ “โอ้ย คือย้ายโรงเรียนบ่อยแท้ลูก”(หัวเราะ)
.
“จนเขาไปเรียนมหาลัยที่กรุงเทพฯ เขาไปเองเลยนะ แววเขาเก่ง เราไม่ต้องไปส่งไปอะไรเลย เขาจัดการตัวเองหมดที่อยู่ที่กินที่เรียน ตอนนั้นพ่อกลับมาทำนาที่บ้านแล้ว ก็ส่งให้เขาด้วยส่วนหนึ่ง เขากลับมาบ้านแต่ละครั้งก็จะซื้อของที่พ่อแม่ชอบมาฝากตลอดนะ เขารู้ว่าพ่อชอบกินอะไร แม่ชอบกินอะไร
.
“จนวันหนึ่ง แฟนเขาโทรมาถามว่าแววกลับมาบ้านมั้ย เหมือนลูกสาวเราหายไปจากที่พัก พ่อก็ว่าเขาไม่ติดต่อมาเลย แต่ด้วยนิสัยเขา แรกๆก็คิดว่า เดี๋ยวเขาคงกลับมา อาจไปอยู่กับเพื่อนหรือเปล่า จนผ่านมาระยะหนึ่ง มันแปลกๆแล้ว ก็เริ่มไปตามหา ถามข่าวจากเพื่อนสนิทเขาที่ร้อยเอ็ดก่อน แต่ไม่มีใครติดต่อแววได้เหมือนกัน ตอนนั้นพ่อมืดแล้ว ไม่รู้จะไปตามหาเขาที่ไหน
.
“เคยขับแท็กซี่ที่กรุงเทพฯ ก็จริงนะ แต่มันไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ไปตามหาที่ไหน จะเข้ากรุงเทพฯ มันก็ต้องใช้เงิน จะกินอยู่ พักที่ไหน มันต้องคิดอีก ก็รอข่าวเขา จนไม่ไหวแล้ว เลยขึ้นไปตามที่กรุงเทพฯ หลังเขาไม่ติดต่อมาหลายเดือนแล้ว
.
“ตอนนั้นก็ไปกองปราบเลย อยู่แถวแดนเนรมิต ก็เตรียมเอกสารภาพถ่ายไป เล่าให้ตำรวจฟัง โชคดีมีนักข่าวมาช่วยทำข่าวให้แต่ก็เงียบ ไม่มีเบาะแสเลย ก่อนกลับตำรวจแนะนำพ่อบอกให้ไปร้องที่มูลนิธิปวีณาฯ พ่อก็ไปตามที่ตำรวจแนะนำนะ
.
“แล้วมันเงียบมากเลยนะ เป็นสิบปีแล้วไม่เคยได้ยินข่าวเขาอีกเลย ไม่มีการติดต่อ พ่อไปเช็คทะเบียนราษฎร์เขาไม่มาต่อบัตรประชาชน ไม่ทำอะไรทางทะเบียนอีกเลย คราวนี้เวลาดูข่าวคนฆ่ากันตาย ก็กลัวว่าจะเป็นลูกสาวเราหรือเปล่า ลูกเราจะโดนแบบนี้มั้ย เขาจะมีอันตรายหรือเปล่า ได้แต่ภาวนา ว่าอย่าให้เขาเป็นอะไร ให้ปลอดภัยกลับบ้านมาหาพ่อแม่
.
“มันได้แต่รอ ไม่รู้จะทำยังไง จะไปตามหายังไงพ่อก็แก่แล้ว เตรียมใจไว้ตลอด แต่มันไม่ลืม ไม่เคยลืม มันทุกข์อยู่ในใจ รอเขานะ บางทีคิดว่า เดี๋ยวสงกรานต์ปีใหม่ แววจะกลับมาบ้านแบบลูกบ้านอื่น ถนนหน้าบ้านนี่ รถทัวร์จากกรุงเทพฯ แล่นผ่านนะ คิดหวังว่าวันหนึ่งพ่อจะเห็นเขาเดินลงจากรถกลับมาบ้าน”

——-
นายสุนทร มหามาตย์
พ่อของ นางสาวสุทธิดา มหามาตย์ (แววหรือป๊อกแป๊ก) คนหาย
——-
#คนหาย!!! นางสาวสุธิดา มหามาตย์ ชื่อเล่นแวว หรือ ป๊อกแป๊ก อายุขณะหาย 24 ปี หายไปจากห้องพัก ย่านรามอินทรา กม.10 เขตคันนายาว กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2550 คนหายรูปร่างผอม สูงประมาณ 167 ซม. น้ำหนักประมาณ 49 กก. ผิวขาว ผมยาวสีน้ำตาลสวมเหล็กดัดฟัน
#แจ้งเบาะแส มูลนิธิกระจกเงา โทร. 080-775-2673
#ญาติเกรงว่า อาจตกเหยื่อกรณีหีบเหล็กในพื้นที่เพชรเกษมหรือไม่ ทีมงานได้ประสานส่งข้อมูลและดีเอ็นเอ พ่อแม่น้องแวว ให้ตำรวจ สน เพชรเกษม ตรวจเปรียบเทียบกับโครงกระดูกที่พบในกรณีดังกล่าวแล้ว ส่วนเหตุอื่นๆ หรืออาชญากรรมโดยคนอื่น ก็ยังไม่ตัดประเด็นทิ้งครับ