ปลัดหญิง อ้างเป็นสายลับให้จังหวัด โดนไป2ข้อหา ใส่เสื้อกรมการปกครองนั่งเขย่าไฮโล

กรณีคลิปฉาวที่เผยเเพร่ในโลกออนไลน์ กับวงพนันไฮโลวงหนึ่ง ซึ่งปรากฎภาพ ปลัดหญิงอำเภอเชียงยืน จังหวัด มหาสารคาม สวมเสื้อกั๊กตัวนอกของกรมการปกครอง


กรณีคลิปฉาวที่เผยเเพร่ในโลกออนไลน์ กับวงพนันไฮโลวงหนึ่ง ซึ่งปรากฎภาพ ปลัดหญิงอำเภอเชียงยืน จังหวัด มหาสารคาม สวมเสื้อกั๊กตัวนอกของกรมการปกครอง นั่งร่วมวงเขย่าไฮโลอย่างชัดเจน เย้ยกฎหมาย  ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ  สภ.เชียงยืน ได้ทำการสืบสวนดำเนินคดี ปลัดหญิงคนดังกล่าว ว่าเข้าไปในบ่อนวงพนันได้อย่างไร  พร้อมกับตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ให้ได้ข้อสรุปภายใน 15 วัน  (ชมคลิปท้ายข่าว) 

ปลัดหญิง อ้างเป็นสายลับให้จังหวัด โดนไป2ข้อหา ใส่เสื้อกรมการปกครองนั่งเขย่าไฮโล
ก่อนหน้านี้ทาง  นายฉลอง พึ่งโคกสูง นายอำเภอเชียงยืน เผยว่า ปลัดอำเภอหญิงคนดังกล่าว ได้เข้ามาให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยเจ้าตัวได้อ้างว่า เข้าไปแฝงตัวเป็นสายลับเพื่อเป็นสายให้ทางจังหวัดเข้าไปจับกุมการพนันไฮโล หลังจากนั้นตนได้โทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุม แต่นักพนันไหวตัวทันแยกย้ายไปก่อน
ปลัดหญิง อ้างเป็นสายลับให้จังหวัด โดนไป2ข้อหา ใส่เสื้อกรมการปกครองนั่งเขย่าไฮโล

ปลัดหญิง อ้างเป็นสายลับให้จังหวัด โดนไป2ข้อหา ใส่เสื้อกรมการปกครองนั่งเขย่าไฮโล

 

สำหรับความคืบหน้าล่าสุดในวันที่ 8ก.ย.63 ทางด้านของ  ร.ต.อ.วันชนะ พิณพงษ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม เผยว่า จากพยานหลักฐานที่ปรากฏ ทางพนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาผู้ปรากฏอยู่ในคลิปที่กำลังเล่นการพนันไฮโล รวม 2 ข้อหาคือ ร่วมกันเล่นการพนัน (ไฮโล) พนันเอาทรัพย์สินโดยผิดกฏหมาย และร่วมกันชุมนุมชุมนุมกิจกรรมหรือมั่วสุมในสถานที่แออัดอันเป็นการฝ่าฝืนในสถานการณ์ฉุกเฉิน  ดำเนินการส่งฟ้องผู้ต้องหาในคลิปไปแล้ว 5 คน มีชาวบ้านรวมอยู่ด้วย ส่วนรายของปลัดอำเภอเชียงยืน คือ  นางราแพน ชิตบุตร เข้ามาให้ปากคำและให้การปฏิเสธว่าที่เข้าไปเล่นก็เพื่อหาข่าวเรื่องสิ่งผิดกฎหมาย รวมถึงการพนัน และการปล่อยเงินกู้นอกระบบ ซึ่งถือเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา ที่ต้องนำพยานหลักฐานมาแสดงกับพนักงานสอบสวนต่อไป ขณะนี้จึงอยู่ในช่วงผลัดฟ้องแต่ไม่เกิน5ครั้ง

ปลัดหญิง อ้างเป็นสายลับให้จังหวัด โดนไป2ข้อหา ใส่เสื้อกรมการปกครองนั่งเขย่าไฮโล

คลิป
https://www.facebook.com/NewsAround77/videos/312744203158716/

 

ขอบคุณ

ข่าวขอนแก่น