วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่ดีที่สุด ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่ดีที่สุด ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เปรียบเทียบบิดามารดาไว้ว่า เปรียบเสมือนพรหมของบุตร เพราะท่านรักใคร่เมตตา มีกรุณา มุทิตาและอุเบกขาต่อบุตร อีกทั้งยังเปรียบพ่อแม่ไว้เป็นเช่น บูรพาจารย์หรือครูคนแรก คอยอบรมแนะนำสั่งสอน และเปรียบพ่อแม่ไว้ เป็นเช่นอาหุไนยบุคคล คือบุคคลผู้ควรแก่การบูชา

ซึ่งการตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่อย่างแท้จริงนั้น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต

ใจความตอนหนึ่งว่า

[๒๗๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวการกระทำตอบแทนไม่ได้ง่ายแก่

ท่านทั้ง ๒ ท่านทั้ง ๒ คือใคร คือ มารดา ๑ บิดา ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุตร

พึงประคับประคองมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง

เขามีอายุ มีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้ง ๒ นั้นด้วยการอบกลิ่น

การนวด การให้อาบน้ำ และการดัด และท่านทั้ง ๒ นั้น พึงถ่ายอุจจาระ

ปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนั้น

ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย

อนึ่ง บุตรพึงสถาปนามารดาบิดาในราชสมบัติ อันเป็นอิสราธิปัตย์ ในแผ่นดิน

ใหญ่อันมีรตนะ ๗ ประการมากหลายนี้ การกระทำกิจอย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอัน

บุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ

มารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย ส่วนบุตร

คนใดยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในศรัทธาสัมปทา ยังมารดา

บิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นในศีลสัมปทา ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้

สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา ยังมารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นใน

ปัญญาสัมปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้น

ย่อมชื่อว่าอันบุตรนั้นทำแล้ว และทำตอบแทนแล้ว แก่มารดาบิดา ฯ

 

วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่ดีที่สุด ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสนั้น จะเห็นว่า การปรนนิบัติดูแลบิดามารดาภายนอก การมอบทรัพย์สมบัติให้ท่านมากมายแค่ไหน แม้แต่การมอบความเป็นใหญ่ให้ท่านเพียงไรก็ตาม ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการตอบแทนท่านอย่างแท้จริง เพราะเป็นการตอบแทนโดยการให้ทรัพย์สมบัติหรือความสุขต่างๆในทางโลกเท่านั้น แต่การตอบแทนที่แท้จริงและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อบิดามารดาที่บุตรพึงกระทำ คือ

1.หากบิดามารดาเป็นผู้ไม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็จงชักนำท่านให้เกิดความศรัทธา

2.หากบิดามารดา เป็นผู้ไม่มีศีล ก็จงชักนำท่านให้ตั้งมั่นอยู่ในศีล

3.หากบิดามารดาเป็นผู้ตระหนี่ถี่เหนียว ก็จงชักนำท่านให้บริจาคทานหรือการสละทรัพย์ต่างๆ

4.หากบิดามารดาเป็นผู้ขาดปัญญา ก็จงชักนำท่านให้ทำสมาธิภาวนา เพื่อให้ท่านเกิดปัญญา

การตอบแทนบิดามารดาด้วยการชักนำให้ท่านถึงพร้อมด้วยศรัทธา ด้วยศีล ด้วยจาคะ ด้วยปัญญานั้น จะเป็นเหตุให้บิดามารดามีโอกาสบรรลุธรรมได้ในภายภาคหน้า การกระทำใน ๔ อย่างนี้ จึงถือได้ว่าเป็นการตอบแทนบิดามารดาอย่างแท้จริงและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวของท่านเอง

แต่อย่างไรก็ดี การปฏิบัติดูแลบิดามารดาในภายนอก เช่น การดูแลท่าน การช่วยแบ่งเบาภาระต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรกระทำอยู่แล้วในฐานะของบุตร แต่จะให้ดีที่สุด ก็ควรพึงกระทำใน ๔ อย่างควบคู่ไปด้วย คือ การชักนำท่านให้เข้าถึงศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณอย่างสูงสุด

อ้างอิงข้อมูลจาก : พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต