เปิดภาพ ม้าป่าอาเคอร์เทคกะ สวยงามชวนหลงไหล พบเพียง 3,500 ตัวในโลก

ม้าป่าอาเคอร์เทคกะ สวยงามชวนหลงไหล พบเพียง 3,500 ตัวในโลก

เรียกได้ว่า ม้าป่าอาเคอร์เทคกะ เป็นม้าที่หลายๆคนคงไม่เคยเจอเพราะทั้งโลกนั้นพบเจอเพียง 3,500ตัวเท่านั้นซึ่งเป็นม้าที่สยงามสง่า และน่าหลงไหลดังกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ขนเงางามราวกับมีแสงระยิบระยับ วันนี้เราจึงพาทุกคนมารู้จักกับ ม้าป่าอาเคอร์เทคกะ ไปดูกันเลย
  
ม้า (ชื่อวิทยาศาสตร์: Equus ferus caballus)  เป็นชนิดย่อยหนึ่งในสองชนิดของ Equus ferus หรือม้าป่าที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมกีบคี่ในวงศ์ Equidae ม้ามีวิวัฒนาการมากว่า 45 ถึง 55 ล้านปีจากสิ่งมีชีวิตหลายกีบเท้าขนาดเล็กสู่สัตว์กีบคี่ขนาดใหญ่ในปัจจุบัน มนุษย์เริ่มนำม้ามาเลี้ยงเมื่อราว 4,000 ปีก่อนคริสตกาล และเชื่อว่าการเลี้ยงแพร่หลายเมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ม้าชนิดย่อย caballus เป็นม้าบ้านแม้ว่าจะมีประชากรม้าบ้านบางส่วนจะอาศัยอยู่ในป่า เช่น ม้าเถื่อน (feral horses) ม้าเถื่อนไม่ใช่ม้าป่าที่แท้จริง ดังเช่นม้าป่ามองโกเลียซึ่งถูกแบ่งแยกออกมาเป็นชนิดย่อยและเป็นชนิดเดียวที่เหลืออยู่ของม้าป่าที่แท้จริง คำว่าม้าเถื่อนใช้เพื่อแสดงว่าม้านี้ไม่ใช่ม้าบ้าน มีคำศัพท์เฉพาะมากมายที่ใช้อธิบายแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับม้า ครอบคลุมจากกายวิภาคถึงช่วงชีวิต ขนาด สี สัญลักษณ์ การเพาะพันธุ์ การเคลื่อนไหว และพฤติกรรม


  
 

 

ม้าป่าอาเคอร์เทคกะ

 

กายวิภาคของม้าช่วยให้ม้าใช้ความเร็วในการหนีนักล่า และม้ายังพัฒนาความสมดุลได้อย่างยอดเยี่ยมและสัญชาตญาณสู้หรือถอยที่แข็งแกร่ง ม้ายังมีลักษณะพิเศษเพื่อใช้สำหรับหลบหลีกนักล่า คือ ม้าสามารถยืนหลับหรือล้มตัวลงนอนหลับก็ได้ ม้าตัวเมียจะอุ้มท้องประมาณ 11 เดือน ลูกม้าจะยืนและวิ่งได้ในเวลาไม่นานหลังกำเนิด ม้าบ้านจำนวนมากจะเริ่มฝึกภายใต้อานม้าหรือบังเหียนระหว่างอายุสองถึงสี่ปี ม้าจะโตเต็มที่เมื่ออายุห้าปี และมีช่วงอายุประมาณ 25 ถึง 30 ปี

สายพันธุ์ม้าแบ่งคร่าว ๆ ออกเป็น 3 ประเภทตามลักษณะนิสัย พวก "เลือดร้อน (hot blood) " ที่เร็ว ทนทาน "เลือดเย็น (cold blood) " เช่น ม้าแคระ และม้าพันธุ์เล็กบางพันธุ์ ที่ช้าแต่มั่นคง ทำงานหนัก และ "เลือดอุ่น (warmblood) " ที่พัฒนามาจากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างเลือดร้อนและเลือดเย็น เป็นการเพาะพันธุ์เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้งานพิเศษบางประการ โดยเฉพาะในยุโรป ม้าบ้านมีมากกว่า 300 พันธุ์ในปัจจุบัน เป็นการพัฒนาเพื่อการใช้งานที่ต่างกันไป

 

ม้าป่าอาเคอร์เทคกะ

 

ม้าและมนุษย์มีปฏิสัมพันธ์กันอย่างหลากหลายทั้งในการแข่งขันกีฬาและงานที่ไม่ใช่กิจกรรมสันทนาการ เช่น งานตำรวจ การเกษตร การบันเทิง และการบำบัดรักษา ในอดีต มีการนำม้ามาใช้งานในสงคราม ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการพัฒนาเทคนิคการขับขี่ที่หลากหลาย โดยใช้ลักษณะที่แตกต่างของอุปกรณ์และวิธีการของการควบคุม มีผลิตภัณฑ์หลายอย่างได้จากม้า ประกอบด้วย เนื้อ นม หนัง ขน กระดูก และยาที่สกัดมาจากน้ำปัสสาวะของม้าตัวเมียที่ตั้งครรภ์

เทพนิยายเกี่ยวกับม้า เพกาซัสเกิดมาจากนางกอร์กอน เมดูซ่า ถูกวีรบุรุษเพอร์ซีอุสฟันคอขาดตาย ในขณะที่นางสิ้นใจตายนั้น เพกาซัสก็กระโจนออกมาจากลำคอของนาง ไม่มีใครสามารถปราบเพกาซัสได้เลยซักคน ตอนที่มันเกิดมาใหม่ ๆ และออกวิ่งอย่างคึกคะนองนั้น น้ำที่กระเซ็นจากรอยเท้าที่มันวิ่งก่อให้เกิดน้ำพุสวยงาม คือน้ำพุพีเรเนียน

 

ม้าป่าอาเคอร์เทคกะ

 

ลักษณะพิเศษของเจ้าม้าสายพันธุ์นี้ก็คือ ขนที่มันเงาและสวยงามของมันนั่นเอง ซึ่งโดยทั่วไปพวกมันจะมีขนสีเทา, ดำ, สีเม็ดเกาลัด แต่สีที่เรียกได้ว่ามีความพิเศษสุดๆ เลยนั่นก็คือขนที่ทองมันวาว ที่ดูคล้ายกับผ้าไหมราคาแพงนั่นเอง

เจ้าม้าสายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาจากมือง Achal ประเทศเติร์กเมนิสถานตั้งแต่เมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว ซึ่งถือได้ว่าม้าป่าสายพันธุ์อาเคอร์เทคกะนั้นเป็นม้าสายพันธุ์เก่าแก่อีกสายพันธุ์หนึ่งเลยก็ว่าได้

 

ม้าป่าอาเคอร์เทคกะ

 

และด้วยความแข็งแรงบวกกับต้นกำเนิดที่มาจากแถบทะเลยทราย จึงทำให้เจ้าม้าสายพันธุ์นี้มีจุดเด่นอยู่ที่ความรวดเร็ว อดทน และสภาพร่างกายที่ยอดเยี่ยม รวมไปถึงท่าวิ่งเหยาะๆ ที่แสนสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์

ความสวยงามของมันนั้นทำให้ได้รับการขนานนามจากชาวจีนว่า "ม้าที่มาจากสวรรค์" และนอกจากนี้ยังมีตำนานเล่าว่าม้าสายพันธุ์นี้ยังเคยถูกใช้เป็นพาหนะของเจงกีสข่านอีกด้วย และเจ้าม้าสายพันธุ์นี้มีค่าตัวสูงถึง 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 300 ล้านบาทเลยทีเดียว

 

ม้าป่าอาเคอร์เทคกะ

 

ทั้งนี้ เรียกได้ว่าสวยงามมากๆเลยใช่มั้ยละ เหมือนม้าที่เราเห็นกันในโลกการ์ตูนหรือเทพนิยายแต่นี่ของจริงเลยทีเดียว ไม่แปลกใจเลยใช่มั้ยหละที่ทำไมมันถึงได้หายากและราคาแพงขนาดนี้ สวยสมคำร่ำลือเลยจริงๆ