ศบค.เตรียมคุมเข้มป้องกันโควิดในตลาด เล็งเพิ่มมาตรการเด็ดขาด

หลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อที่ดูเหมือนจะไม่ลดลงง่ายๆ ซึ่งหลังจากที่ กระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิดทั่วประเทศ จึงพบว่าในส่วนของพื้นที่สีแดงเข้มโดยเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑลได้พบผู้ติดเชื้อที่เชื่อมโยงกับตลาดสด และตลาดนัด ทำให้ล่าสุดมีการเล็งว่าจะควบคุมพื้นที่ดังกล่าวให้เข้มขึ้น 

 

 

โดย น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงถึงเรื่องนี้หลังจากที่ ได้ติดตามข้อมูลผู้ติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. -10 ส.ค. ซึ่งพบว่า การติดเชื้อใน 23 จังหวัด ในตลาด 132 แห่ง ผู้ติดเชื้อรวม 14,678 คน กระทรวงสาธารณสุข จึงได้จัดทำมาตรการป้องกันโควิดในตลาดขึ้นมา เพื่อจะได้ให้ ศบค.ชุดใหญ่ พิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไป

 

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอธิบายต่อไปว่ามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดในตลาดนั้น จะประกอบด้วยมาตรการ 3 ส่วน ได้แก่ มาตรการป้องกันคน ป้องกันสถานที่ (ตลาด) พร้อมกันนี้ยังจะต้องจัดการระบบเฝ้าระวังควบคุมโรค ซึ่งในส่วนการป้องกันคนนั้นจะมีตรวจคัดกรองเชิงรุกด้วยชุดตรวจ ATK ในกลุ่มเป้าหมายได้แก่ผู้ค้า ลูกจ้าง แรงงานที่เดินทางเข้าออก ผู้อยู่อาศัยที่ประกอบธุรกิจอยู่โดยรอบ และมีการสุ่มตรวจผู้ซื้อที่เดินทางเข้าไปใช้บริการในตลาด

 

แผนการดำเนินดังกล่าวนั้น จะเริ่มดำเนินการในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มทั้ง 29 จังหวัด แบ่งเป็น 3 ระยะ ระยะที่1 ดำเนินการใน 9 จังหวัดสีแดงเข้ม ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ราชบุรี ชลบุรี นครราชสีมา สงขลา และสระแก้ว ในขณะที่ เป้าหมายที่ตลาดค้าส่งและตลาดขนาดใหญ่ หรือ ตลาดที่มี 500แผงขึ้นไป ตลาดที่มีความเสี่ยงสูง มีชุมชนรอบตลาด รวม 27 แห่ง 

ในส่วนของระยะที่ 2 นั้น จะดำเนินการตรวจในพื้นที่ตลาดทุกขนาด ในจังหวัดสีแดงเข้ม 16 จังหวัด ครอบคลุมตลาด 117 แห่ง และระยะที่ 3 ดำเนินการครอบคลุมตลาดทุกขนาด ในพื้นที่สีแดงเข้มทั้ง 29 จังหวัด รวมตลาด 683 แห่ง

นอกจากนี้ น.ส.ไตรศุลี ยังระบุอีกว่า ในการประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการตรวจครอบคลุมเป้าหมาย 202,010 คน ตรวจทุกสัปดาห์เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ใช้ชุดตรวจ ATK 808,040 ชุด มีการสำรองสำหรับกรณีตรวจเชิงรุกอีก 41,960 ชุด รวมใช้ชุดตรวจ ATK ตามมาตรการนี้รวม 850,000 ชุด ซึ่งจะขอรับการสนับสนุนชุดตรวจจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ต่อไป

อย่างไรก็ตาม นอกจากดำเนินการตรวจเชิงรุกแล้ว ตามมาตรการนี้จะมีการให้วัคซีนแก่ผู้เกี่ยวข้องในตลาดตามลำดับความเสี่ยง รวมถึงดำเนินมาตรการอื่นควบคู่ เช่น การมีแผนเผชิญเหตุ การจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามหรือสถานที่แยกกัก เพื่อรองรับกรณีผู้ติดเชื้อหรือพบผู้มีผลตรวจ ATK เป็นบวก อีกด้วย