เปิดตัวแล้วว !! "IPHONE SE" หน้าจอ 4 นิ้วใหม่ล่าสุด! กับดีไซน์สไตล์ 5s - อัพสเปคขั้นเทพขนาดนี้.. คุ้มราคาสุดๆ!

เปิดตัวแล้วว !! "IPHONE SE" หน้าจอ 4 นิ้วใหม่ล่าสุด! กับดีไซน์สไตล์ 5s - อัพสเปคขั้นเทพขนาดนี้.. คุ้มราคาสุดๆ!

 


สะเทือนวงการกันเทคโนโลยีกันอีกแล้วกับทาง ค่าย Apple ได้เปิดตัว iPhone SE เป็นที่เรียบร้อย ที่ผสมผสานการนำ iPhone 5S มาอัพเกรดใหม่ให้แรงกว่าเดิม ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 14,900 บาทเท่านั้น!!!

 

 

โดย iPhone SE นั้นมีขนาดหน้าจอ 4 นิ้วรุ่นใหม่ล่าสุดในส่วนของดีไซน์ตัวเครื่องนั้นยังคงเหมือนกับ  iPhone 5 กับ iPhone 5Sแต่ได้มีการอัพเกรดคุณสมบัติและฟิเจอร์ต่างๆ เทียบได้กับ iPhone 6S กันเลยทีเดียว ..บอกได้เลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆ !

 

เปิดตัวแล้วว !! "IPHONE SE" หน้าจอ 4 นิ้วใหม่ล่าสุด! กับดีไซน์สไตล์ 5s - อัพสเปคขั้นเทพขนาดนี้.. คุ้มราคาสุดๆ!

ทั้งนี้สเปคของ iPhone SE มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 

- หน้าจอขนาด 4 นิ้ว แบบ Retina Display ความละเอียด 1136 x 640 พิกเซล (326 ppi)
- ชิปเซ็ต Apple A9 (64-bit) แบบ Dual-Core Processor ความเร็ว 1.85 GHz
- ชิปประมวลผลร่วม M9 Co-processor (ตัวเดียวกับ iPhone 6S)
- ชิปภาพกราฟิก  PowerVR GT7600 แบบ Six-Core graphics
- กล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ Retina Flash
- กล้องหลังแบบ iSight camera ความละเอียดอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล  พร้อมไฟแฟลชแบบ True-Tone Flash  และรองรับ- การถ่ายคลิปวีดีโอความละเอียดระดับ 4K
- รองรับฟีเจอร์ Hey Siri
- มี Touch ID สแกนลายนิ้วมือ
- รองรับ NFC และ Apple Pay
- ระบบปฏิบัติการ iOS 9.3 (เวอร์ชันใหม่ล่าสุด )
- ไม่มีฟังก์ชัน 3D Touch กับ Force Touch
- มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเงิน, สีเทา, สีทอง และสีชมพู Rose Gold

 

เปิดตัวแล้วว !! "IPHONE SE" หน้าจอ 4 นิ้วใหม่ล่าสุด! กับดีไซน์สไตล์ 5s - อัพสเปคขั้นเทพขนาดนี้.. คุ้มราคาสุดๆ!

เปิดตัวแล้วว !! "IPHONE SE" หน้าจอ 4 นิ้วใหม่ล่าสุด! กับดีไซน์สไตล์ 5s - อัพสเปคขั้นเทพขนาดนี้.. คุ้มราคาสุดๆ!

อย่างไรก็ตามเบื้องต้นทราบว่าราคา iPhone SE ความจุ 16 GB ราคา $399 หรือราว  14,900 บาท และความจุ  64 GB ราคราอยู่ที่   $499 หรือราว 18,900 บาท พร้อมเปิดพรีออเดอร์วันที่  24 มีนาคมนี้และวางจำหน่ายจริงวันที่ 31 มีนาคมนี้ และจะวางขายในอีก 110 ประเทศในเดือนพฤษภาคมต่อไป ส่วนประเทศไทยต้องติดตามกันต่อไป

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก "SlashGear" , "ที่สุดในโลก"