สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวโรกาสให้ นายกสภาและผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหิดล เฝ้าถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศาสนศึกษา

สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวโรกาสให้ นายกสภาและผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหิดล เฝ้าถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศาสนศึกษา วันอังคาร ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๐ เวลา ๑๔.๐๐ น. เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลง ณ พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้ นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กรรมการสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารมหาวิทยาลัย เฝ้า ถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศาสนศึกษา

การนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระโอวาท ความตอนหนึ่งว่า

"ศาสนา มีความหมายว่า 'คำสั่งสอน' ดังนั้น การเอาใจใส่ศึกษาเรียนรู้ศาสนธรรมคำสั่งสอนอย่างถูกต้องเป็นระบบ ย่อมก่อให้เกิดคุณประโยชน์หลายสถาน เพราะสังคมย่อมไม่อาจแสวงหาสันติสุขได้โดยแท้ หากว่าปราศจากการประพฤติปฏิบัติตามศาสนธรรม

คุณสมบัติเบื้องต้นของความเป็นพลเมือง ที่บรรพชนไทยสั่งสมอบรมมาช้านาน จึงได้แก่การให้อนุชนทุกคนนับถือศาสนา ให้แต่ละคนหมั่นศึกษาอบรมตนให้อยู่ในกรอบแห่งศีลธรรมของศาสนา และสามารถประพฤติปฏิบัติตนบนหลักคุณธรรมแห่งศาสนาที่ตนนับถือได้อย่างถูกต้อง

สังคมไทยเราทุกวันนี้มีผู้คนที่นับถือศาสนาอยู่เป็นส่วนมาก ที่ตั้งตนเป็นคนไม่นับถือศาสนามีอยู่ไม่มากนัก โดยมีพุทธศาสนิกชนเป็นประชากรหมู่ใหญ่ และมีศาสนิกชนในศาสนาต่างๆ อาศัยอยู่ร่วมกันโดยอิสรเสรี

ครั้นลองพิจารณาลงไปให้ลึกซึ้งแล้ว กลับพบว่าศาสนิกชนผู้สนใจใฝ่ศึกษาอบรมตนตามหลักศาสนาอย่างจริงจังยังมีอยู่ไม่มากเท่าที่ควร โดยมากก็คงนับถือกันแต่เพียงในทะเบียน หรือไม่ก็นับถือในระดับพิธีกรรมต่างๆ ตามขนบประเพณีพอสังเขปเท่านั้น ศาสนธรรมอันทรงคุณค่ามหาศาลจึงไม่อาจซึมซาบเข้าสู่ชีวิตของตน และไม่อาจชี้นำสังคมไปสู่สันติสุขได้อย่างที่ควรจะเป็น

ท่านทั้งหลายเป็นครูบาอาจารย์ และเป็นบุคลากรทางการศึกษา มีหน้าที่โดยตรงในการอบรมสั่งสอนให้ผู้เรียนมีสติปัญญา และยิ่งสถาบันของท่านมีสาขาวิชาด้านศาสนศึกษาโดยตรง ท่านย่อมมีหน้าที่ที่สำคัญเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่สร้างคนให้มีปัญญาทางโลก แต่ท่านยังมีหน้าที่ต้องสร้างสรรค์ให้เขาเหล่านั้น มีปัญญาสอดส่องในทางธรรม เพื่อเพิ่มจำนวน 'คนเก่ง' ที่เป็น 'คนดี' ให้แก่สังคมไทยและสังคมโลก

สังคมใดเป็นสังคมที่มี 'สติ' เป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งมิให้พลั้งพลาด และมี 'ปัญญา' เป็นเครื่องผลักดันไปสู่ความดีงาม สังคมนั้นย่อมมีแต่สันติสุขอันมั่นคง

เพราะฉะนั้น สถาบันใด บุคคลใด สามารถสร้างคนให้เป็นมนุษย์ ผู้มีสติปัญญาในทางคุณธรรมให้ทวีจำนวนมากขึ้นๆ แล้ว สถาบันนั้น บุคคลนั้น ย่อมได้ชื่อว่ากำลังบำเพ็ญกุศลที่มีอานิสงส์อย่างยิ่งใหญ่เหลือประมาณ"

สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวโรกาสให้ นายกสภาและผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหิดล เฝ้าถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศาสนศึกษา สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวโรกาสให้ นายกสภาและผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหิดล เฝ้าถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศาสนศึกษา สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวโรกาสให้ นายกสภาและผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหิดล เฝ้าถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศาสนศึกษา สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวโรกาสให้ นายกสภาและผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหิดล เฝ้าถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศาสนศึกษา สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวโรกาสให้ นายกสภาและผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหิดล เฝ้าถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศาสนศึกษา สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวโรกาสให้ นายกสภาและผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหิดล เฝ้าถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศาสนศึกษา สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวโรกาสให้ นายกสภาและผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหิดล เฝ้าถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศาสนศึกษา

ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช