เป็นลางบอกเหตุ!! อาการตากระตุก เขม่นตา เกิดจากอะไร

เป็นลางบอกเหตุ!! อาการตากระตุก เขม่นตา เกิดจากอะไร

เขม่นตา

ก่อนอื่นเลยอาการตากระตุกหลายคนคงเคยประสบกับปัญหาดังกล่าว และ ชอบมีความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป ดีบ้างร้ายบ้าง ขึ้นอยู่กับความความคิดของแต่ละบุคคล อาการตากระตุก (Nystagmus) ตามหลักวิทยาศาสตร์นั้น เป็นภาวะที่มีการกระตุกของกล้ามเนื้อบางส่วนเป็นกลุ่มๆบริเวณตา อาทิเช่น ใต้หนังตา หรือ กล้ามเนื้อรอบลูกตาข้างใดข้างเดียวเท่านั้น เป็นต้น โดยทั่วไปแล้ว อาการกระตุกนั้นจะมีสาเหตุเกิดมาจากอาการเครียดหรือว่ามาจากอาการกังวลใจ แต่ถ้าหากคุณพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนน้อยจนเกินไป อาการเหล่านี้ก็จะหายไปเอง อีกแนวทางในการรักษานั้นก็คือ ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบดื่มน้ำอัดลม หรือกาแฟ ขอให้ลดๆหน่อย หรือไม่ก็พยายามเลี่ยงครับ เพราะว่าเครื่องดื่มเหล่านี้แหละ ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการตากระตุก หรือไม่ว่าจะเป็นความเครียด หรือการสูบบุหรี่ ก็เป็นอีกสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดอาการตากระตุกครับ แต่ถ้าหากจะพูดกันถึงเรื่องของความเชื่อที่มีมาช้านานแล้ว ก็จะมีเรื่องคำทำนายของอาการตากระตุก ตาเขม่นทั้งตาซ้ายและตาขวาที่อาจเป็นลางบอกเหตุล่วงหน้าก็เป็นได้ วันนี้เราจะยกตัวอย่างของคำทำนายมาให้ดูกัน ไปดูกันเลย!

ตากระตุกในตอนเช้า (นับจากตอนตื่นนอนใกล้ๆเช้า)

ข้างซ้าย จะมีปากเสียงทะเลาะวิวาท หรือจะมีเรื่องให้เดือดร้อนเข้ามา

ข้างขวา จะมีญาติมิตรจากต่างถิ่นมาเยี่ยมเยือน

 

กระตุกตอนสายๆ (ช่วงเวลาประมาณเก้าโมงถึงเที่ยง)

ข้างซ้าย จะเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามกับครอบครัวของเรา

ช้างขวา ญาติมิตรจากต่างแดนนั้น จะนำพาซึ่งโชคลาภมาให้กับเรา

 

กระตุกตอนบ่าย (ช่วงเวลาประมาณบ่ายโมงถึงสี่โมงเย็น)

ช้างซ้าย จะมีเพศที่ตรงข้ามกับคุณนั้นกล่าวถึงคุณ หรืออาจจะมาหาคุณเลย

ข้างขวา การที่คุณคิดอะไรบางอย่างไว้ หรือ การที่คุณจะทำอะไร ก็จะประสบกับความสำเร็จ

 

กระตุกตอนบ่าย (ช่วงเวลาประมาณสี่โมงถึงห้าโมงเย็น)

ข้างซ้าย ญาติสนิทมิตรสหายจะมาเยี่ยมเยียนในไม่ช้า

ข้างขวา จะได้พบกันญาติหรือมิตรสหายที่จากกันไปนานโดยไม่คาดคิด

 

กระตุกตอนกลางคืน (ช่วงเวลาประมาณหนึ่งทุ่มเป็นต้นไป)

ข้างซ้าย จะมีข่าวดีมาเยือนในอีกวันรุ่งขึ้น หรือจะได้โชคลาภจากสิ่งที่ได้ก่อเอาไว้

ข้างขวา จะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันกับคนในครอบครัวของเรา

 

ทั้งนี้ก็ควรใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล เพราะว่าอาการตากระตุกนั้น สามารถอธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ แล้วก็หลักความเชื่อต่างๆ ดังนั้นแล้ว คุณต่างหากที่จะเป็นคนตัดสินใจว่าอันไหนถูกอันไหนผิด สำหรับเกร็ดความรู้นี้ ถ้าอ่านแล้วมีประโยชน์ อย่าลืมแชร์ต่อนะค่ะ

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 
- ระวังไว้ให้ดี!! สธ.เตือนโรคตาแดงพบ 5 เดือนป่วยเกือบ 5 หมื่นคน!!!


- หายชัวร์ 100%!!! "ตะคริวกิน" แบบฉับพลัน หายได้ใน 1 นาที ด้วยวิธีแก้ง่ายๆ ที่หลายคนไม่เคยรู้ ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไป!!! (ชมคลิป)

 

ตากระตุก

ขอบคุณที่มา:เกร็ดความรู้.com