ใบบัวบก!!  ผักพื้นบ้านที่มีประโยชน์และคุณค่าทางอาหารระดับ5ดาว ช่วยดับกระหายคลายร้อนและสรรพคุณอีกมากมาย!!

พืชสมุนไพร ใบบัวบก มีสรรพคุณทางยา ช่วยดับกระหายคลายร้อนในร่างกาย

บัวบก

บัวบก ชื่อสามัญ Gotu kola

บัวบก ชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica (L.) Urb. จัดอยู่ในวงศ์ผักชี (APIACEAE หรือ UMBELLIFERAE)

สมุนไพรบัวบก มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ผักหนอก (ภาคเหนือ), ผักแว่น (ภาคใต้), กะโต่ เป็นต้น จัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดในแถบเอเชีย เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีกลิ่นฉุน มีรสขมหวาน

เมื่อพูดถึงบัวบก สมุนไพรชนิดนี้ขึ้นมาทีไร หลาย ๆ คนคงนึกไปว่ามันแค่ช่วยแก้อาการช้ำในเฉย ๆ (ส่วนอาการอกหักนี้ไม่เกี่ยวกันนะ) แต่ในความเป็นจริงแล้ว บัวบกหรือใบบัวบกนั้นมีสรรพคุณมากมาย เพราะได้รับการกล่าวขานเกี่ยวการรักษาโรคได้หลายชนิด อย่างโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องเสีย ท้องอืด แผลในกระเพาะอาหาร มีฤทธิ์กล่อมประสาท ช่วยบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ช่วยลดความอ่อนล้าของสมอง

ใบบัวบก มีสารประกอบสำคัญหลายชนิด อย่างเช่น บราโมซัยด์ บรามิโนซัยด์ ไตรเตอพีนอยด์ มาดิแคสโซซัยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ และยังมีกรดมาดิแคสซิค วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินเอ วิตามินเค ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม และกรดอะมิโน อย่างเช่น แอสพาเรต กรดกลูตามิก เซรีน ทรีโอนีน อะลานีน ไลซีน ฮีสทีดิน เป็นต้น

ใบบัวบกเหมาะสำหรับคนที่ขี้ร้อน มีภาวะแกร่ง หรือมีความร้อนชื้น เพราะเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น

 

ใบบัวบก

ประโยชน์ของใบบัวบก

บัวบกเป็นพืชที่มีแคลเซียมในระดับปานกลางถึงสูง แต่มีระดับสารออกซาเลตที่เป็นอันตรายต่อร่างกายในปริมาณต่ำ

ใบบัวบกช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุและวัย

ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ

ช่วยเสริมสร้างและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน

มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านการเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆในร่างกาย

ประโยชน์ของใบบัวบก ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา เพราะบัวบกมีวิตามินเอสูง

ช่วยรักษาอาการตาอักเสบบวมแดง ด้วยการใช้ใบบัวบกล้างน้ำสะอาด คั้นเอาแต่น้ำนำมาหยดที่ตา 3-4 ครั้งต่อวัน

ช่วยบำรุงประสาทและสมองเหมือนใบแปะก๊วย

ช่วยทำให้ความจำดีขึ้นและทำให้มีปฏิภาณไหวพริบเพิ่มมากขึ้น

ช่วยเพิ่มความจำในผู้สูงอายุ

เชื่อว่าใบบัวบกมีส่วนช่วยเพิ่มไอคิว ความฉลาด และความสามารถในการเรียนรู้

ใบบัวบกมีสรรพคุณช่วยชะลออาการของโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ สตรีวัยทอง โรคอัลไซเมอร์หรืออาการหลงลืมระยะสั้นได้

ช่วยเพิ่มสมาธิ แก้สมาธิสั้น

ช่วยเพิ่มความสามารถในการตัดสินใจเฉพาะหน้า

ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ปวดศีรษะข้างเดียว

ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ

ช่วยผ่อนคลายความเครียด

ช่วยเสริมการทำงานของกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ จึงช่วยผ่อนคลายและทำให้หลับง่ายขึ้น

ช่วยทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น

ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่

ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย

ช่วยบำรุงโลหิตในร่างกาย

ช่วยบำรุงหัวใจ

ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ

ช่วยทำให้จิตใจสดชื่น อารมณ์แจ่มใส

ช่วยทำให้หน้าตาสดใสเหมือนเป็นวัยรุ่น

ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ

ช่วยบำรุงเสียง

ช่วยรักษาอาการเจ็บคอ ด้วยการใช้บัวบกสดประมาณ 1 กำมือ นำมาตำคั้นเอาน้ำแล้วเติมน้ำส้มสายชู 1-3 ช้อนแกง แล้วจิบกินบ่อย ๆ

ช่วยแก้กระหายน้ำ

ใบบัวบกมีสรรพคุณช่วยแก้อาการร้อนใน ตัวร้อน

ใบบัวบกมีสารยับยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง

ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดี

ช่วยรักษาโรคดีซ่านจากภาวะร้อนชื้น ด้วยการใช้บัวบก 30 กรัม น้ำตาลทรายกรวด 30 กรัม ต้มน้ำดื่ม

ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง

ช่วยรักษาอาหารหืด

ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้ต้นสด 1 กำมือต้มกับน้ำแล้วนำมาดื่ม หรือจะใช้บัวบกสด ๆ ทั้งต้นประมาณ 30 กรัมนำมาค้นเอาน้ำ เติมน้ำตาลเล็กน้อยแล้วดื่มกินประมาณ 5-7 วัน

ช่วยรักษาโรคลมชัก

ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ

ช่วยรักษาอาการเต้านมอักเสบเป็นหนองในระยะแรก ด้วยการใช้บัวบกและเปลือกของลูกหมาก 1 ผล นำมาต้มกับเหล้าดื่ม

ช่วยแก้คนเป็นบ้า

ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับเลือด

ช่วยลดความดันเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นให้หลอดเลือด และช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด

ช่วยรักษาโรคที่มีสมุฏฐานจากเสมหะ

ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า

ช่วยแก้ไข้

ช่วยห้ามเลือดกำเดา เพราะทำให้เลือดเดิน แต่เลือดจะไม่ออกจากเส้นเลือดและยังทำให้เลือดเย็นอีกด้วย

ช่วยแก้อาการช้ำใน บาดเจ็บจากการกระทบกระแทก

เป็นพืชที่ย่อยได้ง่าย

ช่วยทำให้เจริญอาหาร รับประทานอาหารได้มากขึ้น

ช่วยแก้อาการท้องเสีย

สารสกัดจากใบบัวบกมีฤทธิ์ป้องกันและยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี

ช่วยแก้อาการเริ่มที่จะเป็นบิด

ช่วยรักษาโรคบิดหรือมีมูกเลือดปนเมื่อขับถ่าย

ช่วยรักษากระเพาะอาหารเป็นแผล

ใช้เป็นยาระบาย ช่วยระบายท้อง แก้ลม

ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ

แก้อาการปัสสาวะติดขัด ด้วยการใช้ใบบัวบกประมาณ 50 กรัม นำมาตำแล้วพอกบริเวณสะดือ เมื่อถ่ายปัสสาวะคล่องดีแล้วค่อยเอาออก

ช่วยขับความร้อนชื้นทางเดินปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว

ช่วยรักษาโรคนิ่วทางเดินปัสสาวะด้วยการใช้บัวบก 50 กรัมต้มกับน้ำซาวข้าวครั้งที่ 2 แล้วนำมาดื่ม

ช่วยรักษาอาการมีหนองออกจากปัสสาวะ

ช่วยแก้อาการน้ำดีในร่างกายมากเกินไป

ช่วยรักษาโรคม้ามโต

ช่วยรักษาอาการติดเชื้อของไวรัสตับอักเสบ

แก้อาการปวดข้อรูมาตอยด์

ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 20 ใบนำมาล้างให้สะอาด ตำพอกแผลสด

ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น ช่วยเร่งการสร้างเนื้อเยื่อ

ช่วยแก้อาการฟกช้ำ ด้วยการใช้ใบบัวบกมาทุบให้แหลกแล้วนำมาโปะบริเวณที่ฟกช้ำ หรือจะใช้ใบบัวบกประมาณ 40 กรัม ต้มกับเหล้าแดงประมาณ 250 cc. ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วนำมาดื่ม

ใช้บัวบกตำนำมาพอกรักษาความร้อนบวมของโรคไฟลามทุ่ง หรือใช้รักษาอาการด้วยการใช้น้ำคั้นบัวบกนำมาผสมกับแป้งข้าวเหนียวทำเป็นแป้งเหลว พอกบริเวณที่เป็น

ช่วยรักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย

ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่าง ๆ เช่น โรคเรื้อน โรคสะเก็ดเงิน หิด หัด เป็นต้น

ช่วยระงับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดหนอง

ช่วยลดอาการอักเสบของแผลได้เป็นอย่างดีและใช้ทารักษาแผลอักเสบจากการผ่าตัดได้อีกด้วย

ช่วยรักษาผิวหนังเป็นด่างขาว

ใช้เป็นยาถอนพิษ ช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนจากแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ทั้งต้นสดของบัวบกประมาณ 3 ต้นนำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลกแล้วนำมาพอกแผลไฟไหม้

บัวบกมีการนำมาผลิตเป็นแคปซูลวางจำหน่าย มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงสมองเป็นหลัก (Brain tonic)

ปัจจุบันมีการนำไปทำเป็นยาเป็นแผนปัจจุบันในรูปแบบผงใช้โรยแผล และในรูปแบบเม็ดรับประทานเพื่อรักษาแผลผ่าตัด แผลสด ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือฝีหนองได้ และยังช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นอีกด้วย

ช่วยแก้อาการก้างปลาติดคอ ด้วยการนำบัวบกไปต้มน้ำ แล้วค่อย ๆ กลืนน้ำลงคอ

ใบและเถาบัวบกใช้รับประทานเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิคั่ว หมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ลาบ ก้อย แกงเผ็ด ยำใบบัวบก ซุปหน่อไม้ เป็นต้น

น้ำคั้นจากใบบัวบกนำมาทำเป็นน้ำมันบัวบกใช้ชโลมศีรษะ มีสรรพคุณช่วยบำรุงหนังศีรษะและเส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมดกดำ แก้ปัญหาผมร่วง ผมหงอกก่อนวัย

น้ำใบบัวบกเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับหน้าร้อนเป็นอย่างมาก เพราะมีฤทธิ์เป็นยาเย็นดับร้อนในร่างกายได้สารพัด

สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณสมบัติช่วยลดการระคายเคืองผิวและปลอดภัยต่อร่างกาย

สารสกัดจากใบบัวบกมีการนำมาใช้เพื่อเป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง

มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาใช้ทำเป็นวัสดุปิดแผล

ลบรอยตีนกาตื้น ๆ ด้วยน้ำใบบัวบก ด้วยการนำบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นจนละเอียด แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้สำลีชุบน้ำทาทั่วบริเวณหางตาหรือทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก โดยควรทาทุกวันก่อนนอน

มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาผลิตเป็นสบู่ใบบัวบก ซึ่งผู้ผลิตอ้างว่าช่วยรักษาสิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส ผิวหน้าเต่งตึงได้

 

 

ต้นใบบัวบก

วิธีทำน้ำบัวบก

วิธีทำน้ำบัวบก ควรเลือกใช้ใบบัวบกที่แก่กว่า กินเป็นผักสด โดยใช้ทั้งรากนำมาล้างน้ำทำความสะอาด

ใบบัวบกจะเหนียวให้ตัดเป็น 2-3 ท่อน ก่อนนำมาบด

คั้นน้ำแรกโดยผสมน้ำกับใบบัวบกที่บด แล้วนำกากที่เหลือมาคั้นน้ำที่สองเพื่อให้ได้ตัวยาสมุนไพรที่ยังเหลืออยู่ (ควรใช้น้ำสะอาด และห้ามใช้น้ำร้อนหรือนำน้ำที่คั้นได้ไปต้ม)

กรองน้ำบัวบกด้วยผ้าขาวบางห่าง ๆ (แบบผ้ามุ้ง ถี่มากจะกรองไม่ได้)

หลังกรองจะมีกากให้ทิ้งไป ให้รินเฉพาะน้ำส่วนใส ๆ มาดื่ม

น้ำบัวบกต้องคั้นใหม่ ๆ จากใบสด ๆ และไม่ควรเก็บน้ำที่คั้นได้ไว้นานหรือควรแช่เย็นเก็บไว้

น้ำเชื่อมถ้าทำมาจากน้ำต้มใบเตย จะทำให้น้ำบัวบกอร่อยมากขึ้น

สรรพคุณของน้ำใบบัวบกช่วยแก้ร้อนใน ช้ำใน

ไข่เจียวบัวบก

วัตถุดิบที่ต้องเตรียมได้แก่ บัวบกสด 20 กรัม / ไข่ 2 ฟอง / น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำปลาเล็กน้อย / น้ำมันพืชสำหรับใช้ทอด

นำบัวบกมาล้างจนสะอาดแล้วหั่นซอยเป็นชิ้นเล็ก ๆ

นำไข่มาตอกแล้วตีไข่ เติมเครื่องปรุงต่าง ๆ

นำใบบัวบกที่ซอยแล้วผสมลงไปในไข่ คนให้เข้ากัน

นำมาทอดในไฟอ่อนจนไข่สุก

สรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ และวิงเวียนศีรษะ

ข่างปองบัวบก (บัวบกชุบแป้งทอด)

เตรียมวัตถุดิบดังนี้ บัวบกสด / ไข่ไก่ / แป้งทอดกรอบ / กระเทียมหั่นหยาบ / หอมแดงหั่นหยาบ / เกลือ / พริกไทยป่น

นำบัวบกสดที่ได้มาล้างทำความสะอาด แล้วหั่นหยาบ ๆ ให้พอดีคำ

นำแป้งที่ใช้ทอดกรอบมาผสมกับไข่ไก่ กระเทียม หอมแดง พริกไทย และเกลือ ผสมเข้าด้วยกัน

นำบัวบกที่หั่นเตรียมไว้ นำมาชุบกับแป้งที่ผสมไว้

หลักจากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน

แล้วจึงน้ำบัวบกที่ชุบแป้งแล้ว นำมาทอดให้พอเหลืองกรอบแล้วยกลงให้สะเด็ดน้ำมัน

เป็นอันเสร็จ นำมาจิ้มกินกับน้ำจิ้มไก่ตามใจชอบได้เลย

คุกกี้บัวบก

ให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ บัวบกหั่นละเอียด 2 ถ้วยตวง / ไข่ไก่ 1 ฟอง / แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง / เนยสดรสเค็ม 2 ถ้วยตวง / น้ำตาลทราย 1.1/2 ถ้วยตวง / ผงฟู 2 ช้อนชา / กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

นำใบบัวบกมาล้างทำความสะอาดแล้วหั่นให้ละเอียด โดยตัดก้านและใบออกจากกัน ก้านให้หั่นเป็นท่อนเล็ก ๆ ส่วนใบนำมาเรียงซ้อนกันแล้วหั่นตามขวางและกลับมาหั่นอีกข้าง แล้วพักไว้

นำแป้งและผงฟูมาร่อนผ่านตะแกรง 2 รอบ แล้วพักไว้

นำเนยสดมาตีให้เข้ากับน้ำตาลด้วยความเร็วปานกลางจนขึ้นฟู ประมาณ 1 นาที

ใส่ไข่ไก่และกลิ่นวานิลลาลงไป แล้วตีให้เข้ากัน

ค่อย ๆ ใส่แป้งที่ร่อนไว้แล้วลงไปทีละน้อย (ครั้งละ 1 ส่วน 3 ของแป้งทั้งหมด) แล้วตีแป้งให้เข้ากับส่วนผสมทั้งหมด

นำบัวบกที่หั่นละเอียดแล้วใส่ลงไปในแป้ง แล้วผสมให้เข้ากันอีกครั้ง

นำไปอบในตู้อบ โดยวางใส่ถาดที่ทาเนยหรือกระดาษทนความร้อน ซึ่งจะต้องตักแป้งให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ

ใช้เวลาอบประมาณ 6-8 นาที ด้วยอุณหภูมิประมาณ 250 องศา หรือดูว่าขอบเริ่มเหลืองก็เป็นอันใช้ได้แล้ว เสร็จแล้ว คุกกี้บัวบก

วิธีทำน้ำมันบัวบก

เตรียมส่วนผสมดังนี้ บัวบก 4 กิโลกรัม / น้ำมันมะพร้าว 1 ลิตร / น้ำสะอาด 1 ลิตร

นำบัวบกมาล้างน้ำทำความสะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ

เติมน้ำลงไปในบัวบก แล้วนำไปปั่นจนละเอียด

เสร็จแล้วให้กรองเอาแต่น้ำบัวบกที่ได้จากการปั่น

นำน้ำบัวบกที่กรองได้ไปเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าวโดยใช้ไฟอ่อน ๆ ประมาณ 80 องศาเซลเซียส

เคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนเหลือแต่น้ำมันมะพร้าว โดยให้สังเกตลักษณะกากของน้ำมัน จะมีลักษณะแห้งแบบเม็ดทราย ถือว่าเป็นอันใช้ได้ ยกลงจากเตาแล้วกรองเอาน้ำมัน เป็นอันเสร็จ

วิธีใช้น้ำมันบัวบก

ใช้น้ำมันที่ได้นำมาชโลมเส้นผม แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ

นวดเสร็จแล้วให้หมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที

ครบเวลาแล้วให้สระผมด้วยน้ำอุ่นพร้อมแชมพูตามปกติ เป็นอันเสร็จ

น้ำมันบัวบก สรรพคุณช่วยบำรุงหนังศีรษะและเส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมดกดำ แก้ปัญหาผมร่วง ผมหงอกก่อนวัย

คำเตือนและคำแนะนำ

การรับประทานใบบัวบกคุณควรพิจารณาพื้นฐานของร่างกาย อย่ามองแต่สรรพคุณเพียงอย่างเดียว

บัวบกไม่เหมาะกับคนที่มีภาวะเย็นพร่อง หรือขี้หนาว ท้องอืดบ่อย ๆ

การรับประทานบัวบกในปริมาณที่มากเกินไป จะทำให้ธาตุในร่างกายเสียสมดุลได้ เพราะเป็นยาเย็นจัด แต่ถ้ารับประทานในขนาดที่พอดีแล้วจะไม่มีโทษต่อร่างกายและได้ประโยชน์สูงสุด

การดื่มน้ำบัวบกติดต่อกันทุกวัน ให้ดื่มแค่วันละประมาณ 50 มิลลิลิตร

การกินเพื่อเป็นยาบำรุงต้องกินตามขนาดที่ระบุไว้ ถ้ากินใบบัวบกสด ๆ ในปริมาณน้อย เช่น วันละ 2-3 ใบทุกวันก็ไม่เป็นอะไร หรือจะกินน้ำคั้นบัวบกแก้ช้ำในหรือร้อนใน ติดต่อกัน 1 สัปดาห์ก็ได้

ถ้ากินเป็นผัก จิ้มครั้งละ 10-20 ใบต่อสัปดาห์ไม่ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ถ้ากินติดต่อกัน 10 วันอาจจะเป็นพิษต่อร่างกายได้

การเก็บใบบักบกอย่าเก็บมาเฉพาะใบ เพราะจะทำให้ได้ตัวยาสมุนไพรมาไม่ครบ ให้ถอนมาทั้งต้นและราก เพราะในส่วนของรากจะมีตัวยาสมุนไพรอยู่ด้วย

ไม่ควรนำใบบักบกไปตากแดดเพื่อทำให้แห้ง เพราะจะทำให้สูญเสียตัวยาสมุนไพรซึ่งอยู่ในน้ำมันหอมระเหยได้ โดยให้ผึ่งลมตากไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทสะดวก เมื่อแห้งแล้ว ให้นำมาใส่ขวดปิดฝาให้สนิทป้องกันความชื้น

 

คำเตือนและคำแนะนำ

การรับประทานใบบัวบกคุณควรพิจารณาพื้นฐานของร่างกาย อย่ามองแต่สรรพคุณเพียงอย่างเดียว

บัวบกไม่เหมาะกับคนที่มีภาวะเย็นพร่อง หรือขี้หนาว ท้องอืดบ่อย ๆ

การรับประทานบัวบกในปริมาณที่มากเกินไป จะทำให้ธาตุในร่างกายเสียสมดุลได้ เพราะเป็นยาเย็นจัด แต่ถ้ารับประทานในขนาดที่พอดีแล้วจะไม่มีโทษต่อร่างกายและได้ประโยชน์สูงสุด

การดื่มน้ำบัวบกติดต่อกันทุกวัน ให้ดื่มแค่วันละประมาณ 50 มิลลิลิตร

การกินเพื่อเป็นยาบำรุงต้องกินตามขนาดที่ระบุไว้ ถ้ากินใบบัวบกสด ๆ ในปริมาณน้อย เช่น วันละ 2-3 ใบทุกวันก็ไม่เป็นอะไร หรือจะกินน้ำคั้นบัวบกแก้ช้ำในหรือร้อนใน ติดต่อกัน 1 สัปดาห์ก็ได้

ถ้ากินเป็นผัก จิ้มครั้งละ 10-20 ใบต่อสัปดาห์ไม่ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ถ้ากินติดต่อกัน 10 วันอาจจะเป็นพิษต่อร่างกายได้

การเก็บใบบักบกอย่าเก็บมาเฉพาะใบ เพราะจะทำให้ได้ตัวยาสมุนไพรมาไม่ครบ ให้ถอนมาทั้งต้นและราก เพราะในส่วนของรากจะมีตัวยาสมุนไพรอยู่ด้วย

ไม่ควรนำใบบักบกไปตากแดดเพื่อทำให้แห้ง เพราะจะทำให้สูญเสียตัวยาสมุนไพรซึ่งอยู่ในน้ำมันหอมระเหยได้ โดยให้ผึ่งลมตากไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทสะดวก เมื่อแห้งแล้ว ให้นำมาใส่ขวดปิดฝาให้สนิทป้องกันความชื้น

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-แจกฟรี!! สูตรสบู่สมุนไพร “สบู่แตงกวา + ใบบัวบก” ทำใช้เองประหยัดแถมพ่วงประโยชน์สรรพคุณมากมายอีกด้วย รีบแชร์ด่วน!!

-กรมการแพทย์ เผย"สะเดา"ทานมากต้านมะเร็งได้ มหัศจรรย์สมุนไพรไทยใกล้ตัว

 

ใบของใบบัวบก

 

ขอขอบพระคุณข้อมูล/แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), เว็บไซต์หมอชาวบ้าน, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ, ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ

ขอขอบพระคุณข้อมูล/ข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (MedThai)