เผยสูตรสครับรักษา "ส้นเท้าแตก" ทำง่าย ไม่ต้องเสียเงินซื้อครีมแพงๆ

เท้าเป็นอวัยวะสำคัญที่ถูกเรียกใช้งานตลอดแทบทั้งวัน จึงทำให้คนส่วนใหญ่ หลีกเลี่ยงปัญหาการเกิดส้นเท้าแตกได้ยาก ซึ่งสาเหตุของการเกิดส้นเท้าแตกก็มาจากหลากหลายสาเหตุด้วยกัน ในระยะเริ่มแรกของอาการส้นเท้าแตก จะเริ่มจากการบวมแดงหรือการอักเสบ หากคุณปล่อยทิ้งไว้จะทำให้ฝ่าเท้าเริ่มหนาขึ้นและแตกเป็นรอยเล็ก ๆ และหากปล่อยไว้นาน ๆ ไม่รีบหาทางแก้ไข หนังกำพร้าก็แตกเป็นร่องลึกบริเวณส้นเท้าได้

เท้าเป็นอวัยวะสำคัญที่ถูกเรียกใช้งานตลอดแทบทั้งวัน จึงทำให้คนส่วนใหญ่ หลีกเลี่ยงปัญหาการเกิดส้นเท้าแตกได้ยาก ซึ่งสาเหตุของการเกิดส้นเท้าแตกก็มาจากหลากหลายสาเหตุด้วยกัน ในระยะเริ่มแรกของอาการส้นเท้าแตก จะเริ่มจากการบวมแดงหรือการอักเสบ หากคุณปล่อยทิ้งไว้จะทำให้ฝ่าเท้าเริ่มหนาขึ้นและแตกเป็นรอยเล็ก ๆ และหากปล่อยไว้นาน ๆ ไม่รีบหาทางแก้ไข หนังกำพร้าก็แตกเป็นร่องลึกบริเวณส้นเท้าได้

ไบโอเดอร์มา
สุขภาพและความงามโดยแนน

 

เผยสูตรสครับรักษา "ส้นเท้าแตก" ทำง่าย ไม่ต้องเสียเงินซื้อครีมแพงๆ

 

ในกรณีที่ส้นเท้าแตกติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้มีเชื้อแบคทีเรียเข้าไปสะสมได้ นานวันเข้าถ้าเป็นมาก ๆ เข้าส้นเท้าที่แตกอาจมีเลือดไหลซึมออกมาและมีอาการเจ็บแสบจนแทบเดินแทบไม่ไหว

และอาจถึงขั้นร้ายแรงจนเกิดเชื้อราได้ สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาเหล่านี้อยู่ อย่าปล่อยทิ้งไว้นานไปจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ และทางที่ดีคุณควรหาวิธีรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า และหมั่นบำรุงส้นเท้าอยู่เสมอ เพื่อความสวยงามของเท้าที่จะอยู่กับคุณตลอดไป

สาวๆคนไหน มีปัญหาส้นเท้าแตก ใส่รองเท้าเปิดส้นก็ไม่สวย เดินเท้าเปล่าก็เกี่ยวพรม น่ารำคาญ ถึงแม้อาการส้นเท้าแตก จะไม่มีอันตรายอะไร แต่ก็ทำให้หมดความมั่นใจ และเป็นปัญหาด้านความสวย ความงามมากๆเลยใช่ไหม

 

เผยสูตรสครับรักษา "ส้นเท้าแตก" ทำง่าย ไม่ต้องเสียเงินซื้อครีมแพงๆ

 

สาเหตุของส้นเท้าแตก มีหลายอย่างดังนี้

1. ส้นเท้าแตก (Cracked heels) บ่อยครั้งมักพบได้กับคนอ้วนที่มีน้ำหนักตัวมาก เพราะน้ำหนักมีผลโดยตรง ทำให้ส้นเท้าต้องรับภาระหนักขึ้น เมื่อมีน้ำหนักมากขึ้นหนังเท้าก็จะเริ่มหนามากขึ้นเรื่อย ๆ และมีโอกาสแตกได้ง่าย

2. คุณเป็นคนชอบเดินด้วยเท้าเปล่าใช่หรือไม่? ไม่ว่าจะเดินบนพื้นปูน พื้นดิน พื้นบ้าน หรือพื้นแข็ง ๆ โดยที่ไม่สวมรองเท้า ถ้าใช่นี่อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของเกิดการส้นเท้าแตกได้

3. การสวมใส่รองเท้าเปิดส้น รองเท้าส้นสูง หรือรองเท้าที่ไม่มีคุณภาพ พื้นรองเท้าแข็งมากจนเกินไป เช่น รองเท้าแตะคีบ รองเท้าฟองน้ำ รองเท้าสาน ฯลฯ

4. การสวมใส่รองเท้าขนาดที่ไม่พอดีกับเท้า เช่น ใส่คับหรือหลวมมากจนเกินไปเป็นเวลานาน ๆ จนทำให้เกิดบวมแดงหรืออักเสบ หากปล่อยให้นานไป ส้นเท้าจะเริ่มหนาแล้วก็แตกได้

5. การยืนหรือเดินเป็นเวลานาน ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายเป็นประจำ ส้นเท้าจะเกิดการกระแทกหลายครั้ง เช่น นักวิ่ง นักเต้นรำ เป็นต้น

6. เกิดจากกรรมพันธุ์ เช่น เป็นคนผิวแห้ง ผิวหนังกำพร้าชั้นขี้ไคลของฝ่าเท้าจะหนา และสูญเสียน้ำจากผิวมากกว่าปกติ ทำให้ผิวไม่สามารถเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ได้ และขาดความชุ่มชื้น

7. อายุ อายุที่มากขึ้นก็ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้นจนเป็นสาเหตุทำให้ส้นเท้าแตกได้

8. โรคอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรัง ซึ่งมักจะมีอาการข้ออักเสบที่อื่นร่วมด้วย เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคข้อสันหลังอักเสบยึดติด, โรคเบาหวาน ในกรณีที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดี

เหล่านี้จะส่งผลให้ความยืดหยุ่นของเส้นเอ็นและพังผืดฝ่าเท้าลดลงจนเกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย

9. แพ้ปูนซีเมนต์หรือแพ้การสวมใส่รองเท้าที่เป็นยาง ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่อาจทำให้เกิดส้นเท้าแตกได้ แต่สาเหตุจะนี้พบได้น้อย

10. “คุณอาจขาดความเอาใจใส่ส้นเท้าของคุณ” บางคนที่ส้นเท้าแตกและรักษาจนหายแล้ว แต่ก็กลับมาเป็นอีกไม่รู้จบ นั่นอาจเป็นเพราะคุณละเลยการดูแลส้นเท้าของคุณนั่นเอง

 

เผยสูตรสครับรักษา "ส้นเท้าแตก" ทำง่าย ไม่ต้องเสียเงินซื้อครีมแพงๆ

ถ้าใครไม่ไหวกับปัญหาเรื่องส้นเท้าแตกวันนี้เรามีสูตรสครับดีๆ ที่ทำได้ง่าย อุปกรณ์ก็ไม่ยุ่งยาก สมกับคำว่า Home made ทำเองได้ที่บ้านได้เลยค่ะ

ส่วนผสมที่ต้องใช้

1. น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง

2. น้ำมันมะกอก หรือ เบบี้ออย ก็ได้ค่ะ 1/2 ถ้วยตวง

 

เผยสูตรสครับรักษา "ส้นเท้าแตก" ทำง่าย ไม่ต้องเสียเงินซื้อครีมแพงๆ

 

วิธีทำ

1. นำน้ำตาลทรายขาว และน้ำมันที่เตรียมไว้ ผสมเข้าด้วยกันค่ะ เราจะรู้สึกได้ว่า มันเข้ากันทุกส่วนล่ะ

2. เอามาขัดตรงบริเวณที่เกิดปัญหา ส้นเท้าแตก สัก 10 – 15 นาที แล้วล้างออก ใช้เป็นประจำ สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้งค่ะ

3. น้ำตาลทราย จะช่วยให้ผิวที่หลุดลอก หลุกดออกมาได้ง่าย นอกจากนี้ เกล็ดของน้ำตาลทราย ยังมีความอ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิว

4. ส่วนน้ำมันมะกอก หรือ เบบี้ออย จะช่วยบำรุงให้ผิวมีความชุ่มชื้น ผิวหนังที่เกิดขึ้นใหม่ จะมีความแข็งแรง ไม่แห้งแตกอีกค่ะ

 

เผยสูตรสครับรักษา "ส้นเท้าแตก" ทำง่าย ไม่ต้องเสียเงินซื้อครีมแพงๆ

 

วิธีป้องกันส้นเท้าแตก

1. อย่าปล่อยให้ผิวแห้ง เพราะจะมีแนวโน้มทำให้ส้นเท้าของคุณแตกได้ง่ายขึ้น หลังอาบน้ำคุณควรหาครีมมานวดทาเท้าและส้นเท้า โดยให้เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวจนผิวชุ่มชื้น จะเลือกใช้เป็นครีม วาสลีน หรือมอยส์เจอไรเซอร์อะไรก็ได้ หลังจากทาครีมเสร็จและรอให้แห้งแล้ว ก็ให้สวมถุงเท้าหนา ๆ ทับไว้ทันทีเพื่อช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ หากทำเช่นนี้จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน

2. เมื่ออยู่บ้านคุณควรสวมใส่รองเท้าสำหรับเดินในบ้านทุกครั้ง (ในห้องน้ำก็ต้องใส่ด้วยละ เพราะบางครั้งพื้นห้องที่ไม่แห้งก็อาจเป็นน้ำผสมสบู่หรือน้ำยาซักผ้าอยู่บ้าง ซึ่งมันอาจจะกัดผิวได้) เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เท้าเย็นจนขาดความชุ่มชื้น และเป็นการช่วยลดการกระแทกของส้นเท้ากับพื้นที่มากจนเกินไป แต่ถ้าต้องเดินเท้าเปล่าบนพื้นเย็น ๆ คุณควรจะหาครีมมาทาบริเวณเท้าและส้นเท้าเสียก่อน

3. หลีกเลี่ยงการเดินด้วยเท้าเปล่า โดยไม่สวมใส่รองเท้าเป็นเวลานาน ๆ โดยเฉพาะบนพื้นปูนซีเมนต์ทั้งเย็นและร้อน เพราะจะทำให้ผิวหนังบริเวณส้นเท้าเริ่มขาดความยืดหยุ่น ผิวจะเริ่มหนาและแข็งขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ผิวหนังส่วนนี้แห้งและแตก เชื่อไหมว่าพื้นปูนร้อน ๆ แค่เดินผ่านแป๊บเดียวก็อาจทำให้ส้นเท้าของคุณแตกได้ง่าย ๆ

4. หลีกเลี่ยงการสวมใส่รองเท้าเปิดส้น เลือกสวมใส่รองเท้าให้มีขนาดพอดีกับเท้า เลือกรองเท้าชนิดที่มีบุพื้นรองเท้านุ่ม หรือไม่แข็งมากจนเกินไป ใส่แล้วรู้สึกสบาย ไม่รู้สึกคับอึดอัดก็เป็นอันใช้ได้

5. สวมใส่ถุงเท้าก่อนสวมรองเท้าถุงครั้ง เพื่อช่วยเพิ่มความนุ่มสบายให้กับเท้าของคุณ และสวมใส่ถุงเท้าเวลานอนเป็นประจำ เพื่อช่วยลดความสูญเสียความชุ่มชื้นในผิวหนัง ป้องกันการแห้งแตกของฝ่าเท้า

5. หลีกเลี่ยงการเดิน การวิ่ง การยืนเป็นเวลานาน ๆ หรือยืนบนพื้นที่แข็งกระด้าง เช่น พื้นปูนซีเมนต์ โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก เพราะจะทำให้ส้นเท้าต้องรับภาระหนัก จนทำให้ส้นเท้าแตก

7. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศเย็นมาก เช่น ที่ทำงานในห้องแอร์ เพราะจะทำให้ผิวคุณแห้งได้ง่าย แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ให้ทาครีมที่เท้าและส้นเท้ากันไว้ด้วย

8. หลีกเลี่ยงการปล่อยให้เท้าสัมผัสกับน้ำบ่อย ๆ หรือแช่เท้าในน้ำนาน ๆ เพราะจะทำให้เท้าสูญเสียความชุ่มชื้น

9. สวยจากภายใน เหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ส้นเท้าแตกมาจากการขาดความชุ่มชื้นของผิวหนัง การดื่มน้ำเป็นประจำในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยทำให้ผิวหนังชุ่มชื้นขึ้น และช่วยป้องกันไม่ให้ส้นเท้าของคุณแตกได้

10. สำหรับคนอ้วนหรือผู้ที่มีน้ำหนักมาก คุณควรหาวิธีการลดน้ำหนักและความอ้วน ซึ่งการลดน้ำหนักนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาส้นเท้าแตกได้แล้ว มันยังส่งผลทำให้รูปร่างของคุณดูดีขึ้น และช่วยลดอัตราการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ อันเกิดจากความอ้วนได้อีกด้วย

 

 

ขอบคุณ  Naykhaotom