เหตุการณ์อาเพศ ลางสังหรณ์ แห่งสิ้นกรุงศรีฯ

ย้อนกลับไปเมื่อ วันที่ ๗ เมษายน ๒๓๑๐ เป็นวันการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองหรือ สงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง เป็นความขัดแย้งทางทหารครั้งที่สองระหว่างราชวงศ์อลองพญาแห่งพม่า กับราชวงศ์บ้านพลูหลวงแห่งอยุธยา ในการทัพครั้งนี้ กรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นราชธานีคนไทยเกือบสี่ศตวรรษได้เสียแก่พม่าและถึงกาลสิ้นสุดลงไปด้วย เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นเมื่อวันอังคาร ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีกุน ตรงกับวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ.๒๓๑๐ สำหรับเหตุการณือัศจรรย์ กล่าวคือ ลางสังหรณ์ก่อนวันเสียกรุงศรีฯ นั้น เกิดขึ้นหลายครั้ง 

ย้อนกลับไปเมื่อ วันที่ ๗ เมษายน ๒๓๑๐ เป็นวันการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองหรือ สงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง เป็นความขัดแย้งทางทหารครั้งที่สองระหว่างราชวงศ์อลองพญาแห่งพม่า กับราชวงศ์บ้านพลูหลวงแห่งอยุธยา ในการทัพครั้งนี้ กรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นราชธานีคนไทยเกือบสี่ศตวรรษได้เสียแก่พม่าและถึงกาลสิ้นสุดลงไปด้วย เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นเมื่อวันอังคาร ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีกุน ตรงกับวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ.๒๓๑๐ สำหรับเหตุการณือัศจรรย์ กล่าวคือ ลางสังหรณ์ก่อนวันเสียกรุงศรีฯ นั้น เกิดขึ้นหลายครั้ง 

 

เหตุการณ์อาเพศ ลางสังหรณ์ แห่งสิ้นกรุงศรีฯ

 

         เหตุอาเพศที่เกิดขึ้นจริงนั้น หลายคนคงจะเคยได้ยินกันมาบ้าง แต่ก็เชื่อว่าคงมีอีกหลายคนที่ไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้มาก่อน ก่อนจะเสียกรุงในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ มีเหตุการณ์น่าประหลาดเหมือนลางบอกเหตุเกิดขึ้น เริ่มจากเหตุการณ์แรก ช่วงก่อนเสียกรุงประมาณหนึ่งเดือน พระประธานวัดเจ้าพนัญเชิง ซึ่งถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปที่องค์ใหญ่ที่สุด และสร้างมาก่อนกรุงศรีอยุธยาจะก่อตั้งถึง ๒๖ ปี ได้มีน้ำพระเนตรไหลลงมาจนถึงพระนาภี

 

เหตุการณ์อาเพศ ลางสังหรณ์ แห่งสิ้นกรุงศรีฯ

 

         เหตุการณ์ที่สอง เกิดขึ้นในวัดพระศรีสรรเพชญ์ พระบรมไตรโลกนาถ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีชื่อเดียวกับพระมหากษัตริย์ เกิดพระอุระแตก ดวงพระเนตรตกลงมาอยู่ที่ตัก
 

เหตุการณ์อาเพศ ลางสังหรณ์ แห่งสิ้นกรุงศรีฯ

 

         เหตุการณ์ที่สาม คือมีอีกาสองตัว ตีกันในอากาศ ตัวหนึ่งตกลงมา อกเสียบเข้ากับยอดพระปรางค์วัดราษฎร์บูรณะ ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอยู่สองเพลา (สองวัน) จึงขาดใจตาย
 

เหตุการณ์อาเพศ ลางสังหรณ์ แห่งสิ้นกรุงศรีฯ

 

เหตุการณ์ที่สี่ คือรูปหล่อพระนเรศวรเจ้า ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่โรงแสงใน ได้กระทืบพระบาทสนั่นไปทั้งสี่ทิศ อากาศก็วิปริตผิดแผก ท้องฟ้าเป็นสีแดงอยู่หลายวัน
 

 

            และช่วงสิบห้าวันก่อนกรุงแตก ที่ค่ายวัดไชยวัฒนารามซึ่งถือว่าเป็นค่ายที่แข็งแกร่งมาก ก็เสียให้กับพม่า จากนั้นพม่าก็เข้าตีกรุงได้ เมื่อวันอังคารเดือน ๕ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก เพลาบ่าย ๔ โมง พม่ายิงปืนป้อมสูงวัดท่าการ้อง และวัดนางปลื้มเข้ามาในกรุง จากนั้นได้เอาเพลิงจุดที่รากกำแพงพระนคร พอถึงเวลาค่ำ กำแพงได้ทรุดลง พม่าก็เข้ากรุงได้ที่บริเวณหัวรอ จากนั้นก็เอาไฟเผาบ้านเมือง วัดวาอาราม ฆ่าและกวาดต้อนผู้คนไปที่พม่า รวมทั้งลอกเอาทองจากพระพุทธรูปและสิ่งก่อสร้างไปทั้งหมด นึกแล้วก็ให้เสียดาย ทั้งพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ พระที่นั่งวิหารสมเด็จมหาปราสาท พระที่นั่งสรรเพชญมหาปราสาท พระที่นั่งสุริยามรินทร์ รวมทั้งพระศรีสรรเพชญชดาญาณซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนหุ้มด้วยทองคำทั้งองค์ ถูกทำลายจนหมดสิ้น

             แต่มีอยู่สองที่ที่ไม่ถูกเผา นั่นคือ วัดหน้าพระเมรุ เพราะวัดนี้ พม่าใช้เป็นที่บัญชาการในการตีพระนคร และยังเป็นวัดที่เมื่อเก้าปีที่แล้ว อลองพญา พ่อของมังระ ได้ใช้วัดนี้เป็นที่บัญชาการรบ แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ลงมาจุดปืนใหญ่ด้วยตัวเอง แต่ปืนใหญ่กลับระเบิดถูกตัวเองตาย พม่าเลยมีความเชื่อว่า วัดหน้าพระเมรุมีอาถรรพ์ จนเป็นที่หวาดกลัวของพวกพม่าต่อมาในสมัยหลัง

 

เหตุการณ์อาเพศ ลางสังหรณ์ แห่งสิ้นกรุงศรีฯ

 

เหตุการณ์อาเพศ ลางสังหรณ์ แห่งสิ้นกรุงศรีฯ

 

           กับอีกที่ที่ไม่โดนทำลาย คือหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง ด้วยความที่เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ พม่าจึงเกรงกลัว ไม่กล้าทำลาย ปัจจุบัน ถ้าใครได้ไปเที่ยวอยุธยา จะเห็นวัดสองวัดนี้มีผู้คนเข้าไปสักการะพระพุทธรูปทั้งสององค์อยู่มาก ทั้งคนไทยทั้งคนต่างประเทศ ส่วนวัดอื่นๆ ต่างโดนเผา แต่ก็ยังเหลือโครงสร้างให้เห็นความงดงาม ทั้งที่เหลือแต่อิฐแล้ว อย่างวัดไชยวัฒนาราม ซึ่งถือได้ว่าเป็นวัดที่มีความงดงามมาก จนชาวต่างชาติทั้งในสมัยอยุธยา และสมัยปัจจุบัน ยกให้เป็นนครวัดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยากันเลยทีเดียว และก็มีอีกหลายวัด ที่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ อย่างเช่นวัดใหญ่ไชยมงคล มีตำหนักและรูปหล่อใหม่ของสมเด็จพระนเรศวรให้ผู้คนกราบไหว้ หรืออย่างวิหารพระมงคลบพิตร ก็มีการบูรณะพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่โดนพม่าเผาขึ้นมาใหม่

 

เหตุการณ์อาเพศ ลางสังหรณ์ แห่งสิ้นกรุงศรีฯ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://buawaree.blogspot.com

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

- ปริศนาพยากรณ์..สุดแม่น !!! คำทำนายของพระอรหันต์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ถึง ประเทศไทย และ ธรรมราชาทั้ง 10 พระองค์ !!!

ประวัติศาสตร์สุดดำมืด!! เปิด ๕ บุคคลสำคัญแห่งกรุงศรีอยุธยาที่ "ถูกลอบวางยาพิษ" เพื่อแย่งชิงอำนาจ !!

แลกเลือดถวายพระองค์ดำ!! เปิดตำนาน "สามทหารเสือ" คู่พระทัย "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" วีรกษัตริย์กอบกู้แผ่นดินคืนสู่กรุงศรีอยุธยา !!

เมืองช้าง ผุด!! สงกรานต์ สุดวินเทจ… ย้อนยุคทะลุมิติ กรุงศรีอยุธยา “ 12 เมษา ชื่นฉ่ำอุรา ณ ท่าสว่าง”