5 ของใช้ที่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ควรดูแลรักษาให้สะอาดอยู่เสมอ

เชื้อโรคเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเรามากมายยิ่งของใช้ใกล้ๆตัวนี่ยิ่งน่ากลัวเป็นพิเศษ เพราะเราใช้สอยหยิบจับอยู่ทุกวันเท่ากับเราใกล้ชิดเชื้อโรคมากๆนั่นเองค่ะ

เชื้อโรคเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเรามากมายยิ่งของใช้ใกล้ๆตัวนี่ยิ่งน่ากลัวเป็นพิเศษ เพราะเราใช้สอยหยิบจับอยู่ทุกวันเท่ากับเราใกล้ชิดเชื้อโรคมากๆนั่นเองค่ะ

 

5 ของใช้ที่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ควรดูแลรักษาให้สะอาดอยู่เสมอ


    เชื้อโรค (หรือที่บางครั้งเรียกกันว่าจุลชีพก่อโรค) คือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมากที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วอาจก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยหรือติดเชื้อเชื้อโรคที่พบทั่วไปมี แบคทีเรีย (เช่น ซาลโมเนลลา ที่ก่อให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ) , ไวรัส (เช่น ไรโนไวรัส ที่ก่อให้เกิดโรคหวัด) , เชื้อรา (เช่น ไตรโคไฟตัน ที่ก่อให้เกิดโรคน้ำกัดเท้า)
ปรสิต (เช่น ไกอาริเดีย อินเทสทินาลิส ที่ก่อให้เกิดอาการท้องร่วง) และเชื้อโรคเหล่านี้มักสะสมในของใช้ใกล้ตัวอะไรบ้างไปดูกันค่ะ
 

เชื้อโรค

1. ฟองน้ำล้างจาน
สุดยอดของแหล่งสะสมเชื้อโรค ยิ่งถ้าหากว่ามีการหมักหมมคราบเศษอาหารบนจานไว้ข้ามคืนยิ่งหนักเลยค่ะ ไม่อย่างนั้นเวลาที่คุณนำมาเช็ดล้างซ้ำไปซ้ำมา หวังที่จะได้จานสะอาดมากขึ้น กลับต้องเจอกับเชื้อโรคบนฟองน้ำไปแทนนะคะ แนะนำให้ล้างให้สะอาดทุกครั้งหลังจากล้างจานเสร็จ ถ้ามีเวลาว่างแนะนำให้อบด้วยไมโครเวฟอีกรอบ และควรเปลี่ยนใหม่เดือนละ 3-4 ครั้ง ถ้าจะให้ดี…ควรแยกฟองน้ำระหว่างล้างแก้วกับล้างจานนะคะ

2. ไม้กวาด ไม้ถูพื้น
เป็นที่รู้กันดีว่าทั้งไม้กวาดและไม้ถูพื้นนั้น เป็นด่านหน้าของกิจกรรมการทำความสะอาดบ้านเลยก็ว่าได้ มีกันทุกบ้าน บ้านนึงมีมากกว่า 1 ด้ามอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นถ้าเก็บไม่ดี ไม่รักษาความสะอาด ก็เตรียมตัวรับเชื้อโรคร้ายกันได้เลยค่ะ แนะนำให้นำไปผึ่งแดดฆ่าเชื้อโรคดูบ้าง เคาะเศษฝุ่นให้ออกจากไม้กวาด ส่วนไม้ถูพื้นนั้น หลังจากเสร็จภารกิจควรใส่น้ำยาฆ่าเชื้อโรคลงไปในน้ำแล้วบิดให้หมาด แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้ง ควรเปลี่ยนผ้าถูใหม่ทุกเดือน
 
3. แปรงแต่งหน้า

 

แปรงแต่งหน้า


แต่งหน้ากันอยู่บ่อยๆ บางคนไม่เคยได้ล้างแปรงปัด สะสมนานวันเข้าก็กลายเป็นดินแดนสวรรค์ของเชื้อโรค บางคนมีอาการแพ้ สิวขึ้น หรือเป็นผื่น บางทีอาจจะไม่ได้เป็นเพราะเครื่องสำอางค์ไปอุดตันรูขุมขนหรอกค่ะ 

แต่เป็นเพราะได้สัมผัสเชื้อโรคที่มาจากจากแปรงปัดนั่นเอง โดยเฉพาะแปรงปัดแก้ม ที่มีขนาดเป็นพุ่มใหญ่และหนา ต้องทำความสะอาดอย่างดี ไม่อย่างนั้นสิ่งสกปรกจะตกค้างได้  สำหรับการทำความสะอาดนั้นถ้าเป็นพัฟฟ์กับฟองน้ำ ให้ล้างกับน้ำอุ่นที่ผสมสบู่เหลวสูตรอ่อนโยน แล้วขยี้เบาๆ เปลี่ยนน้ำจนกว่าจะสะอาดนะคะ หรือถ้าไม่อย่างนั้นจะเปลี่ยนพัฟฟ์ใหม่ไปเลยก็ได้ค่ะ สะดวกดี ส่วนการทำความสะอาดแปรงแต่งหน้านั้น สามารถทำวิธีเดียวกันได้ แต่ควรเคาะเศษผงเครื่องสำอางค์ออกไปก่อน

 

ล้างแปรง

หรือถ้าเป็นพู่กันทาปาก ก็ใช้ทิชชู่เช็ดคราบลิปสติกออกก่อน แล้วค่อยลงไปจุ่มน้ำอุ่นนะคะ ถ้าเป็นขนแปรงสังเคราะห์ สาวๆ ควรล้างเดือนละ 3-4 ครั้ง แต่ถ้าเป็นขนแปรงธรรมชาติก็ทิ้งไว้ได้นานหน่อย ล้างเดือนละครั้งก็พอค่ะ และปัจจุบันนี้มีน้ำยาล้างแปรงออกมาขายมากมาย ก็สามารถใช้ได้เช่นกันค่ะ

4. โทรศัพท์มือถือ

 

โทรศัพท์


อันนี้ใกล้ตัวมากจริงๆ แทบจะเป็นอวัยวะที่ 33 ไปแล้วก็ได้ อยู่กับคุณไปทุกที่ ขึ้นรถลงเรือ โยนใส่กระเป๋า วางบนโต๊ะกินข้าว เจอฝุ่นเจอลม และเชื้อโรคต่างๆ โดยที่ไม่รู้ตัว บางคนหน้าเป็นสิวอยู่ข้างเดียว เพราะเวลาคุยโทรศัพท์มักจะเอาแนบไว้กับแก้ม หาทางรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย จนลืมไปว่าต้นเหตุที่แท้จริงอยู่ที่โทรศัพท์นี่แหละค่ะ ไม่เชื่อลองแกะเคสโทรศัพท์ดูนะคะ ว่าจะเจอฝุ่นเยอะขนาดไหน 

 

ทำความสะอาด

แนะนำว่าให้เช็ดหน้าจอโทรศัพท์ด้วยแอลกอฮอร์ เพื่อฆ่าเชื้อ อาทิตย์ละประมาณ 4-5 ครั้ง หรือถ้าใครขยันจะเช็ดทุกวันก็ได้นะคะ แต่จุ่มกับสำลีหรือผ้าสะอาดบางก็พอค่ะ ไม่ต้องถึงกับเปียกชุ่ม เดี๋ยวจะได้เสียเงินซื้อเครื่องใหม่แทน

5. เครื่องซักผ้า

 

เครื่องซักผ้า


ถามกันก่อนว่าคุณแม่บ้านทั้งหลาย เคยล้างเครื่องซักผ้ากันบ้างหรือเปล่า ? บางคนบ้านใช้มาเป็นสิบปียังไม่เคยล้างเลย อาจจะด้วยความไม่รู้หรืออะไรก็แล้วแต่ เราไม่ว่ากัน แต่ครั้งนี้รู้แล้วก็อย่าละเลยนะคะ เพราะเครื่องซักผ้าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไว้สำหรับทำความสะอาดเสื้อผ้า เพราะฉะนั้นสิ่งสกปรกตามเสื้อผ้าที่ออกไปไม่หมด ก็จะติดค้างอยู่ที่เครื่องนี่แหละค่ะ สะสมเข้ามากๆ เชื้อโรคต่างๆ ก็ปะปนมากับเสื้อผ้าที่สวมใส่กัน บางคนถึงกับเป็นผื่นแพ้ มีอาการคันกันเลยทีเดียว  

 

เครื่องซักผ้า

 

แนะนำให้นำน้ำส้มสายชู 2-3 ถ้วยตวง ผสมน้ำอุ่น ประมาณ 1-2 ลิตรใส่ลงไปในเครื่องซักผ้า หรือเลือกระดับน้ำสูงสุด หรือ ตั้งโปรแกรมการซักผ้าหนา (โดยไม่ต้องใส่เสื้อผ้าและผงซักฟอก) ปั่นประมาณ 3 นาทีเ พื่อให้น้ำส้มสายชูละลาย แล้วหยุดเครื่องไว้อย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เสร็จแล้วให้เครื่องทำงานปกติ (ซัก ล้าง ปั่นแห้ง) เพื่อให้ราและกลิ่นน้ำส้มสายชูหมดไปจากตัวถัง จากนั้นสามารถเดินเครื่อง (ซักโดยที่ไม่มีผ้า) อีก 1-2 ครั้ง  น้ำส้มสายชูจะช่วยล้างคราบเชื้อรา และคราบฝุ่นออกจากถุงซัก และป้องกันการอุดตันได้ด้วย

 

ล้างมือ


  เป็นอย่างไรบ้างคะเชื้อโรคอยู่ใกล้ตัวเรามากๆเลยใช่ไหม ทั้งการสัมผัสภายนอกหรือบางทีเป็นการกินเข้าไปภายใน ทำให้เกิดป่วยขึ้นได้ รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมทำความสะอาดสิ่งของภายในบ้าน หรือสิ่งของใกล้ชิดติดตัวเราให้สะอาดอยู่เสมอนะคะ เพราะยิ่งใกล้ยิ่งอันตรายห่างไกลเชื้อโรคไว้ยังไงก็ดีกว่าแน่นอนค่ะ