ขบวนการฆ่า "พล.อ.ร่มเกล้า" ที่ยังหลบหนี แม่ตาย "พวงหรีดแกนนำ"คือข้อสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลัง??

ขบวนการฆ่า "พล.อ.ร่มเกล้า" ที่ยังหลบหนี แม่ตาย พวงหรีดแกนนำคือข้อสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลัง??

ย้อนกลับไป เมื่อปี 2553 สำหรับคดี กรณีการ์ดชุดดำ นปช.  ที่ก่อเหตุใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารและผู้ชุมนุมบริเวณสี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ส่งผลให้พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิตลงระหว่างการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบให้กับผู้ชุมนุมในบริเวณดังกล่าว ทางพนักงานสอบสวนนั้นก็ได้มีการออกหมายจับทั้งหมด 7 คน จับกุมตัวได้ 5 ราย และช่วงนั้นยังอยู่ระหว่างการหลบหนี 2 ราย ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ประกอบด้วย

 

1.นายกิตติศักดิ์ สุ่มศรี หรืออ้วน อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา 1600/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557

2.นายปรีชา อยู่เย็น หรือ ไก่เตี้ย อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1603/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557

3.นายรณฤทธิ์ สุริชา หรือนะ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1604/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557

4.นายชำนาญ ภาคีฉาย หรือ เล็ก อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1605/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557

5.นางปุณิกา ชูศรี หรืออร อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1606/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557

ผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนีอีก 2 ราย ประกอบด้วย

  1.นายธนเดช เอกอภิวัชร์ หรือ ไก่รถตู้ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 16001/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557

2.นายวัฒนะโชค จีนปุ้ย หรือโบ้ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1602/2557 ลงวันที่ 10 กย.2557

และทางสำนักข่าวทีนิวส์ก็ได้มีหลักฐานที่น่าสนใจและอาจจะเชื่อมโยงไปถึงตัวผู้บงการก็คือข้อมูลของ 1 ในผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนีก็คือ นายธนเดช เอกอภิวัชร์ หรือ ไก่รถตู้

 

ซึ่งนายธนเดชนั้นเป็นคนขับรถตู้ให้กับกลุ่มชายชุดดำเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 และภาพจากกล้อง ซีซีทีวี บริเวณแยกสี่กั๊กที่นายธนเดชได้ขับพาชายชุดดำเข้าไปก่อเหตุที่บริเวณ 4 แยกคอกวัว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อเวลา 20 นาฬิกา 19 นาที 

หลังจากมาถึงที่บริเวณ 4 แยกคอกวัว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำก็ได้ลงจากรถตู้และก็ได้ปฏิบัติการก่อเหตุ

โดยหลังจากที่ชายชุดดำนั้นได้ปฏิบัติภารกิจเสร็จก็ได้ขับรถตู้กลับออกมาผ่านทางแยก 4 กั๊ก และกล้อง ซีซีทีวี ก็ได้สามารถบันทึกภาพได้อีกครั้ง ในเวลา 21 นาฬิกา 1 นาที

และนี่ก็คือโฉมหน้าของ นายธนเดช คนขับรถตู้ให้กับกลุ่มชายชุดดำ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่กลุ่มชายชุดดำเรียกว่า ไก่ รถตู้

ขบวนการฆ่า \"พล.อ.ร่มเกล้า\" ที่ยังหลบหนี แม่ตาย \"พวงหรีดแกนนำ\"คือข้อสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลัง??

ซึ่งในเวลาต่อมาแม่ของนายธนเดช ได้เสียชีวิตลงซึ่งในงานศพเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ปี 2553 บรรดาแกนนำ นปช. ก็ได้ส่งพวงหรีดไปร่วมไว้อาลัย ก็คือ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายพายัพ ปั้นเกตุ นายขวัญชัย  ไพรพนา พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ และนายจักรภพ เพ็ญแข

ขบวนการฆ่า \"พล.อ.ร่มเกล้า\" ที่ยังหลบหนี แม่ตาย \"พวงหรีดแกนนำ\"คือข้อสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลัง??

ขอถามว่าแกนนำ นปช.ไปมีความสัมพันธ์กับคนขับรถตู้รับส่งชายชุดดำถึงขนาดที่ส่งพวงรีดไปร่วมแสดงความเสียใจในงานศพของแม่นายธนเดช ได้อย่างไร

และข้อมูลในส่วนนี้ที่มีความสำคัญว่าแกนนำ นปช. ตามที่ปรากฏอยู่ในรายชื่อได้ส่งพวงรีดไปงานศพของแม่นายธนเดชจริงหรือไม่

 

และที่สร้างความสงสัยให้กับทางประชาชนเป็นอย่างมากก็คือท่าทีของทางกลุ่มแกนนำ นปช. และทนายความตนเสือแดงที่พยายามให้ความช่วยเหลือ 5 กองกำลังชุดดำมาโดยตลอด ทั้ง ๆ ที่แกนนำ นปช.ก็ได้ยืนยันกับสังคมมาโดยตลอดว่าคนเสื้อแดงและกองกำลังชุดดำนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด

 

ขบวนการฆ่า \"พล.อ.ร่มเกล้า\" ที่ยังหลบหนี แม่ตาย \"พวงหรีดแกนนำ\"คือข้อสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลัง??

 

โดยเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2557 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. พร้อมด้วยนางธิดา ถาวรเศรษฐ และนพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการตามหลักนิติรัฐ นิติธรรมอย่างเร่งรัด เกี่ยวคดีจับกุมชายชุดดำ

 

นายจตุพร กล่าวภายหลังเข้าพบว่า กลุ่มนปช.มีจุดยืนชัดเจนมาตั้งแต่แรกว่า การตายของทหารและประชาชน ไม่ว่าคนร้ายจะเป็นชายชุดใดก็ตาม จะต้องถูกดำเนินการฐานฆ่าคนตายตามกฎหมาย และเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2553 ถึงปัจจุบัน ได้มีการไต่สวนชันสูตรพลิกศพเกี่ยวกับความตายที่ผิดธรรมชาติ โดยมี 12 คดีที่ศาลไต่สวนเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นความตายที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ ตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และมีอีกหลายคดีที่อยู่ในระหว่างการทำสำนวน

 

เมื่อถามถึงกรณีนายธนเดชเอกอภิวัชร์ หรือไก่รถตู้ ซึ่งเป็นคนขับรถตู้ในวันก่อเหตุเมื่อปี 2553 ที่ยังหลบหนีอยู่นั้น โดยมีข้อมูลเปิดเผยว่า เมื่อปี 53 มารดาของนายธนเดชได้เสียชีวิต และมีรายชื่อของแกนนำนปช. ส่งพวงหรีดไปให้นั้น นายจตุพรกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องขอให้ไปถามคนที่ส่งพวงหรีด เพราะตนไม่ได้ส่งไป เพราะเรื่องพวงหรีดพอเวลามีคนเสื้อแดงถึงแก่ชีวิตก็จะมีการขอพวงหรีดไปทางใครต่างๆ เพราะฉะนั้นควรจะไปถามคนที่มีชื่อในพวงหรีดมากกว่าว่าส่งไปร่วมในฐานะอะไร จะได้ความจริงมากกว่า ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้อง และไม่รู้จักกับกลุ่มชายชุดดำ ขณะที่มั่นใจว่าจะไม่สร้างความขัดแย้ง เพราะเป็นการออกมาตามกรอบกติกา ไม่เป็นการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง

 

 

ซึ่งในวันนี้ 31 ม.ค.2560 ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการฟ้อง

1.นายกิตติศักดิ์ สุ่มศรี หรืออ้วน

2.นายปรีชา อยู่เย็น หรือ ไก่เตี้ย

3.นายรณฤทธิ์ สุริชา หรือนะ

4.นายชำนาญ ภาคีฉาย หรือ เล็ก

5.นางปุณิกา ชูศรี หรืออร

ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1-5 ที่ก่อเหตุใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารและผู้ชุมนุมบริเวณสี่แยกคอกวัว กรณีร่วมกันพกอาวุธ เครื่องกระสุนและวัตถุระเบิด อาทิ เครื่องยิงลูกระเบิด M79 ปืนM16 ปืนHK33 หรือปืนอาก้า ไปตามบริเวณแยกคอกวัว ถนนตะนาว ถนนประชาธิปไตย เขตพระนคร เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ส่งผลให้พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม (พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ขณะนั้น) อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.21 รอ.) เสียชีวิต  ในช่วงระหว่างการชุมนุมและขอคืนพื้นที่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.

 

โดยศาลพิเคราะห์แล้วว่า โจทก์มีเจ้าหน้าที่ทหารเบิกความว่าในวันเกิดเหตุเห็นรถตู้สีขาวขับผ่านใกล้ที่ชุมนุมของกลุ่มนปช. โดยมีนายกิตติศักดิ์จำเลยที่ 1 ชะโงกหน้าออกมานอกรถ และมีปืนM16 และปืนอาก้าอยู่ในรถ รวมถึงยังมีพี่สาวสของจำเลยที่ 1 เบิกความว่าจำเลยที่ 1 มีอาชีพขับรถตู้โดยสารไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. หลายครั้ง นอกจากนี้โจทย์ยังมีคนขับรถตู้วินเดียวกันกับจำเลยที่ 1 เบิก

 

ความสนับสนุนด้วย ประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ในชั้นสอบสวน ถึงแม้จำเลยที่ 1 จะอ้างว่าถูกข่มขู่แต่พยานโจทก์ทุกปากก็เบิกความสอดคล้องกันไม่มีข้อสงสัย และจำเลยที่ 1 อ้างว่าตัวเองนั่งรถตู้มาร่วมชุมนุมแต่เข้าไปไม่ได้จึงเดินทางกลับไปที่จ.ลำปาง จึงชี้ชัดว่าจำเลยที่ 1 ไปในที่เกิดเหตุจริง แต่ไม่นำพยานที่อ้างว่าเดินทางไปจ.ลำปางมาเบิกความยืนยัน ไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้

 

ซึ่งโจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนที่แฝงตัวในกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. เบิกความว่าพบนายปรีชา จำเลยที่ 2 สวมหมวกไหมพรมปิดบังหน้า ในที่ชุดนุมและสามารถถ่ายภาพขณะถอดหมวกไว้ได้ประกอบคำเบิกความของจำเลยที่ 2 รับว่าตนเองเป็นการ์ด นปช. จริง แต่ในวันเกิดเหตุไปรับจ้างเดินสายไฟให้หน่วยงานราชการที่แจ้งวัฒนะ ไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุม แต่ก็ไม่นำผู้ว่าจ้างหรือสัญญาจ้างมายืนยันเป็นเพียงคำกล่าวอ้างไม่น่าเชื่อถือ ประกอบคำรับสารภาพในชั้นสอบสวน

 

พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักรับฟังได้ว่านายกิตติศักดิ์ จำเลยที่ 1 และ จำเลยที่ 2 ทำผิดตามฟ้อง ฐานร่วมกันพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ หรือชุมชน และมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอณุญาตได้ ตามพระราชบัญญัติ อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 พิพากษาจำคุกคนละ 10 ปี

 

ส่วนจำเลยที่ 3/4/5 แม้ว่าในชั้นสอบสวนจะให้การรับสารภาพ แต่เจ้าหน้าที่มีเพียงบันทึกคำซักถามและคำให้การของผู้ต้องหาเท่านั้น เป็นเพียงพยานบอกเล่าและให้คำซัดทอดแม้จะมีภาพถ่ายชี้ที่เกิดเหตุ แต่ไม่ประจักษ์พยานเบิกความสนับสนุนจึงมีเหตุให้สงสัย ไม่มีน้ำหนัก พยานหลักฐานไม่น่าเชื่อถือ จึงยกประโยชน์ให้จำเลยที่ 3/4/5 พิพากษายกฟ้องแต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์

 

ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ระบุว่า เตรียมปรึกษาทีมทนายความเพื่อยื่นอุทธรณ์ ต่อสู้คดีในส่วนของจำเลยที่ 1 และ 2 ต่อไป

 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ใครคือไอ้ลูกหมา...ที่พล.อ.ประยุทธ์พูดถึง

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม  รวบ 5 ชุดดำ มือสังหาร "พล.อ.ร่มเกล้า" ปี 53 รับสารภาพ 4 หลบหนี 2 !!

 

----------------------------

 

 

 

ภัทราพร สำนักข่าวทีนิวส์