"แป้งเอ๊ย...เราไม่สึกแล้วนะ" ด้วยจิตที่หลุดพ้นจากอารมณ์ราคะตัณหา หลวงปู่เจี๊ยะจึงเดินสู่เส้นทางของความสุขที่แท้จริง

รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์ http://panyayan.tnews.co.th

“แป้งเอ๊ย...เราไม่สึกแล้วนะ” ด้วยจิตที่หลุดพ้นจากอารมณ์ราคะตัณหา หลวงปู่เจี๊ยะจึงเดินสู่เส้นทางของความสุขที่แท้จริง

"แป้งเอ๊ย...เราไม่สึกแล้วนะ" ด้วยจิตที่หลุดพ้นจากอารมณ์ราคะตัณหา หลวงปู่เจี๊ยะจึงเดินสู่เส้นทางของความสุขที่แท้จริง

พระกรรมฐานสายท่าน”พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต” นั้น “หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท” จะเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เป็นที่ยอมรับเรื่องธรรมภายใน กิริยาภายนอกที่สบาย ๆ ของท่าน  ในหนังสือ ประวัติ พระครูสุทธิธรรมรังษี หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง  หลวงปู่ได้บรรยายถึงอดีต ความรักและคนรักเก่าของท่าน ก่อนที่ท่านจะมาบวช ด้วยเป็นอารมณ์ที่เกือบจะทำให้หลวงปู่เกือบสึกเมื่อเริ่มบวช แต่ด้วยมีครูอาจารย์ดี และผลจากความเพียรในการปฏิบัติภาวนากรรมฐาน  จนสามารถหลุดจากอารมณ์ ราคะ ตัณหา มาได้ ท่านได้เมตตาเล่าเรื่องราวให้ฟังว่า ...

"แป้งเอ๊ย...เราไม่สึกแล้วนะ" ด้วยจิตที่หลุดพ้นจากอารมณ์ราคะตัณหา หลวงปู่เจี๊ยะจึงเดินสู่เส้นทางของความสุขที่แท้จริง

"แป้งเอ๊ย...เราไม่สึกแล้วนะ" ด้วยจิตที่หลุดพ้นจากอารมณ์ราคะตัณหา หลวงปู่เจี๊ยะจึงเดินสู่เส้นทางของความสุขที่แท้จริง

พูดถึงเรื่องรัก...เป็นคนรักเดียว...รักแป้งคนเดียว ตอนเป็นฆราวาสนั้น หน้าบ้านมีถังอยู่ลูกหนึ่ง เราจะไปนั่งที่ถังนั้น ตอนเย็นๆ แป้ง (คนรัก) เดินมาเราก็เห็นแล้ว ก็มานั่งคุยกัน เพราะบ้านเรากับบ้านเขาก็อยู่ไม่ห่างกัน บางทีก็ไปคุยอยู่บ้านเขา บางครั้งในตอนกลางคืนก็นัดไปคุยกันที่ร้านตัดผมของคนชื่อรา  พอได้เวลาอาบน้ำที่บ่อในป่า ก็ชวนกันไปอาบน้ำ ก็เดินคุยกันไป สถานที่อาบน้ำต้องเดินเข้าไปในป่าหน่อย เป็นบ่อน้ำจืดที่เขาขุดไว้ เดินเข้าไปหน่อยมันก็คิดอยากกอด เราก็กอดมันซะเลย มันร้องใหญ่ ทำท่าจะวิ่งหนี เราก็กอดมันไว้แน่น กำลังมันสู้เราไม่ได้ เมื่อท่านเล่ามาถึงตอนนี้มีลูกศิษย์คนหนึ่งพูดแทรกขึ้นว่า “อย่างนี้เขาก็เรียกว่าปล้ำสาวซิปู่ แล้วปู่ได้เขาเป็นเมียไหม? ” หลวงปู่เจี๊ยะตอบกลับไปว่า “ ถึงมันนอนแบะท่าให้ก็ไม่มีปัญญาจะเอา ถ้าเอาเดี๋ยวก็ไม่ได้บวช กอดมันยังไม่กล้าจับนมมันเลย คบกันมาตั้งนานไม่เคยได้หอมแก้มมันซักที...เสียเวลาคบว่ะ! ”

พูดแล้วท่านก็หัวเราะ ดูเหมือนจะอายๆ เหมือนกัน

“เราแกล้งมันไปเล่นๆ ไปอย่างนั้นแหละ เราไม่เอาเปรียบผู้หญิงหรอก” ท่านพูดตบท้ายห้วนๆ

เรื่องรักแป้งนี่เคยให้สัญญากันไว้ด้วยนะว่า “แป้ง... เราจะบวชเพียงพรรษาเดียวให้แม่เท่านั้นนะ หลังจากนั้นเราจะสึกมาแต่งงานกัน” พอเข้าไปบวชแรกๆ ก็คิดถึงมันอยู่เหมือนกัน

ในเวลาต่อมา เกิดภาวนาดีจ้องดูมันด้วยการพิจารณาอสุภะว่า ร่างกายเป็นสิ่งโสโครก ไม่สวยงาม เป็นที่หน้ารังเกียจ มีหนังและเลือดเป็นเครื่องฉาบทาไว้ พิจารณาดูแม้กระทั่งของลับ เพราะพิจารณาอย่างอื่นได้หมด แต่มันมาติดขัดตรงนี้ จึงต้องพิจารณาตรงนี้ จิตมันก็ลง ก่อนบวชหลงมากอยู่เหมือนกัน แม้เข้ามาบวชช่วงแรกๆ ก็อาลัยอาวรณ์อยู่เรื่อยๆ ไปบิณฑบาตเห็นหน้า ใจมันก็ยังคิดๆ แต่หลังจากจิตมันลงได้อย่างนั้น ไปบิณฑบาตเจอมันก็บอกมันเลยว่า “แป้งเอ๊ย...เราไม่สึกแล้วนะ” จริงๆ แล้วถ้าจะพูดกันให้ชัดๆ ต้องพูดว่า

“แป้งเอ๊ย...เราไม่โง่แล้วนะ ไม่ไปเป็นขี้ข้าราคะตัณหาของใครอีกแล้ว”  ถ้าพูดอย่างนั้นกลัวเขาจะเสียใจ

เรื่องผู้หญิงพระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนไว้หลายแง่มุม ท่านเปรียบได้น่าฟัง เป็นคติได้ดีมาก

ผู้หญิงในโลกนี้ก็เปรียบเหมือนน้ำ ทางเดิน ร้านขายเครื่องดื่ม สภาและบ่อน้ำ ใจนางไม่มีขอบเขต”

ส่วนมากผู้หญิงเป็นอย่างนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นอย่างนั้นทุกคน

"แป้งเอ๊ย...เราไม่สึกแล้วนะ" ด้วยจิตที่หลุดพ้นจากอารมณ์ราคะตัณหา หลวงปู่เจี๊ยะจึงเดินสู่เส้นทางของความสุขที่แท้จริง

"แป้งเอ๊ย...เราไม่สึกแล้วนะ" ด้วยจิตที่หลุดพ้นจากอารมณ์ราคะตัณหา หลวงปู่เจี๊ยะจึงเดินสู่เส้นทางของความสุขที่แท้จริง

ต่อมาเขาแต่งงานกับหนุ่มเขาสมิง เห็นว่าตอนหลังย้ายมาอยู่ทำมาหากินอยู่ที่สามโคก แล้วจึงมาตายอยู่แถวสามโคกนี่แหละ นั้นเห็นไหม เขาไม่ได้อันใดเลย ซึ่งอันนี้แต่ก่อนเป็นสิ่งที่เรารัก ชีวิตที่ไม่ได้พบกัลยาณมิตรมันก็ตายเปล่าไปอย่างนั้น แต่อันนี้เราจะไปพูดกับคนอื่นไม่ได้ บางที่เขาไม่เข้าใจ เพราะเขาไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องอรรถธรรม

พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนไว้ถูกที่สุดว่า

“ผู้ใดขยี้กามราคะ ตัณหา อันเป็นเหมือนเปือกตมได้ ขยี้หนามคือกามราคะ ตัณหาไปเสียได้ ผู้นั้นนับได้ว่าเป็นผู้หมดโมหะ ไม่สะทกสะท้านในนินทา สรรเสริญ ทุกข์หรือสุข ถ้าใครปฏิบัติได้มันก็เป็นอย่างนั้น”

คำว่า “หนาม” ท่านหมายถึงสิ่งที่เสียดแทงจิตใจให้ตกต่ำ

"แป้งเอ๊ย...เราไม่สึกแล้วนะ" ด้วยจิตที่หลุดพ้นจากอารมณ์ราคะตัณหา หลวงปู่เจี๊ยะจึงเดินสู่เส้นทางของความสุขที่แท้จริง

ที่มา : หนังสือ ประวัติ พระครูสุทธิธรรมรังษี หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง

          วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อำเภอสามโคก จังหวัดประทุมธานี

ข่าวโดย :  กิตติ ทีนิวส์  / สำนักพิมพ์ กรีนปัญญาญาณ/ ทีมข่าวปัญญาญาณ – ทีนิวส์