สมรภูมิรบแห่งใหม่!! "สหรัฐฯ" ขอแบ่งผลประโยชน์ ในทะเลจีนใต้ หาก "จีน" ไม่ยอมเกิดสงครามแน่

20 ก.พ. 2560

แชร์ |

เรือและเครื่องบินต่างๆ ย่อมได้รับความยินยอมให้ปฏิบัติการในทะเลจีนใต้ได้ เมื่อกระทำตามกฎหมายระหว่างประเทศเท่านั้น

สหรัฐฯ ได้ทำการส่งหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีของสหรัฐฯ ออกลาดตระเวนในทะเลจีนใต้ โดยส่งหมู่เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน ซึ่งประกอบด้วยเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นนิมิตซ์ลำนี้ พร้อมกับเรือติดตามลำอื่นๆ โดยทั้งเรือรบและเครื่องบินของหมู่เรือนี้ เพิ่งเสร็จสิ้นการฝึกซ้อมในแปซิฟิกที่บริเวณนอกชายฝั่งฮาวายและเกาะกวม เพื่อรักษาและปรับปรุงยกระดับการเตรียมพร้อมของพวกเขา และพัฒนาการทำงานแบบประสานเชื่อมโยงกันในฐานะที่เป็นหมู่เรือโจมตีเดียวกัน

โดยที่จีนเองนั้นเพิ่งประกาศซ้อมรบในบริเวณดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยทางด้าน จีนประกาศยืนยันว่าตนมีกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำแทบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ ถึงแม้มีหลายชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อ้างอธิปไตยทับซ้อนอยู่ในหลายๆ บริเวณก็ตามที นอกจากนั้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปักกิ่งยังเร่งถมแนวปะการังและสร้างเป็นเกาะเทียมขึ้นมาหลายแห่ง ซึ่งมีศักยภาพที่จะให้เครื่องบินทหารขึ้นลงได้

กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า เรือและเครื่องบินต่างๆ ย่อมได้รับความยินยอมให้ปฏิบัติการในทะเลจีนใต้ได้ เมื่อกระทำตามกฎหมายระหว่างประเทศเท่านั้น แต่จีนคัดค้านอย่างเหนียวแน่นต่อความพยายามของประเทศใดก็ตาม ที่จะบ่อนทำลายอธิปไตยและความมั่นคงของจีน โดยอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อสำแดงเสรีภาพในการเดินเรือและในการบินผ่าน เรายังเรียกร้องให้สหรัฐฯละเว้นจากการท้าทายอธิปไตยและความมั่นคงของจีน และให้ความเคารพความพยายามของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคแถบนี้ที่จะธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลจีนใต้

สมรภูมิรบแห่งใหม่!! "สหรัฐฯ" ขอแบ่งผลประโยชน์ ในทะเลจีนใต้ หาก "จีน" ไม่ยอมเกิดสงครามแน่

ก่อนหน้าทางด้าน สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้รายงานข่าว จีน ได้นำเรือ รบ อย่างน้อย 3 ลำ เข้าสู่พื้นที่ทะเลจีนใต้ เพื่อทำการ ซ้อมรบ เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ โดย เรือรบทั้งสามของจีน ที่มีลำหนึ่งเป็นเรือพิฆาตที่สามารถยิงขีปนาวุธนำวิถีได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เอง ทางจีน ก็ได้มีการฝึกซ้อมรบด้วยเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิง มาแล้ว ซึ่งนั่นก็สร้างความกังวล ให้กับบรรดาประเทศที่มีข้อมพิพาทกับจีนในน่านน้ำแห่งนี้พอสมควร

ส่วนความเคลื่อนไหวของทางด้านสหรัฐฯอเมริกา นั้นก็ได้มีแผนส่งเรือ ออกตรวจการณ์ในน่านน้ำทะเลจีนใต้อีกครั้ง ซึ่งทางการจีน ก็ได้ออกมาเตือนให้ทางสหรัฐ นั้นระมัดระวังเรื่องการรุกล้ำอธิปไตยของจีน ในบริเวณทะเลจีนใต้อีกด้วย

จีนนั้นอ้างสิทธิ์ครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ ขณะที่ไต้หวัน มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ บรูไน อ้างสิทธิ์พื้นที่บางส่วนของน่านน้ำดังกล่าว ซึ่งถือเป็นเส้นทางทะเลยุทธศาสตร์ที่สำคัญ อุดมไปด้วยสัตว์น้ำ น้ำมันและก๊าซ

ขณะที่ทางด้าน ร.อ.เจฟฟื เดวิส โฆษกกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ว่าเกิดการเผชิญหน้า ระหว่างเครื่องบินลาดตระเวนปราบเรือดำน้ำ พี-3 โอไรออน ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งกำลังปฏิบัติการลาดตระเวนอยู่ในอาณาเขตน่านฟ้าสากลเหนือแนวปะการังสการ์โบโรห์ ในทะเลจีนใต้ กับเครื่องบินเตือนภัยทางอากาศรุ่น เคเจ-200 ของกองทัพจีน โดยเครื่องบินทั้งสองลำอยู่ห่างกันไม่ถึง 300 เมตร ซึ่งถือว่าเป็น ระยะอันตราย แต่ทางสหรัฐฯ ก็เชื่อว่า เหตุการณ์ ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้น โดยไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด และนับเป็นครั้งแรก ตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นผู้นำ สหรัฐฯ ส่วนนักบินของทั้งสองฝ่ายแสดงออกอย่างเป็นมืออาชีพ ส่งผลให้สามารถร่วมกันควบคุมสถานการณ์ได้ แม้ระยะห่างของเครื่องบินทั้งสองลำถือว่าใกล้กันมากก็ตาม ซึ่งสหรัฐฯ ได้แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้จีน ได้รับทราบแล้ว

จีนอ้างสิทธิเหนือพื้นที่ในทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด ในขณะที่ไต้หวัน มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และบรูไนอ้างสิทธิเหนือบางส่วนของน่านน้ำนี้ที่ควบคุมเส้นทางทะเลยุทศาสตร์หลายเส้นและมีพื้นที่ประมงอันอุดมสมบูรณ์พร้อมกับแหล่งสะสมก๊าซและน้ำมัน จีนนั้นอ้างสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด และเดินหน้าถมแนวปะการังสร้างเกาะเทียม มาขึ้นหลายเกาะพร้อมกับทำลานบินให้เครื่องบินทหารขึ้นลงได้ ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากพวกชาติเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยืนยันอ้างอธิปไตยของตนในบางส่วนของน่านน้ำสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้เช่นเดียวกัน

เกาะเทียมเหล่านั้นกลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้งหลังจากเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวในระหว่างให้ปากคำต่อวุฒิสภาเมื่อกล่าวเดือนที่แล้วว่า จะต้องสกัดกั้นไม่ให้จีนเข้าถึงเกาะเทียมเหล่านี้ ซึ่งตั้งอยู่ในน่านน้ำระหว่างประเทศ จนทำให้มองกันว่านี่เป็นการส่งสัญญาณการเผชิญหน้าทางทหาร ต่อมา ฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาว ยังแถลงสำทับว่า อเมริกาจะปกป้อง น่านน้ำสากล ในทะเลจีนใต้

ขณะนี้สหรัฐฯ เริ่มเดินเข้าสู่โหมด ต้องเอาทะเลจีนใต้ให้ได้ จึงพยายามกดดันจีน ด้วยการส่งหมู่เรือบรรทุกเครื่องบิน เข้าไปลาดตระเวณในน่านน้ำดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่า จะทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ดังกล่าวนั้น ระอุ ขึ้นกว่าเดิม อย่างแน่นอน