พายุไต้ฝุ่นลูกแรกของปี!! เนสาท ถล่มไต้หวัน ส่งผลให้ไฟฟ้าดับหลายแสนครัวเรือน

กรมอุตุนิยมวิทยาของไต้หวันแถลงว่า เนสารท ไต้ฝุ่นลูกที่ 9 ของปีนี้ หลังจากพัดเข้าภาคเหนือของเกาะไต้หวัน เคลื่อนตัวเร็วขึ้น เมื่อเวลา 22.30 น. ของวันที่ 29 ก.ค. 60 จุดศูนย์กลางของพายุเคลื่อนออกจากเกาะไต้หวันที่เมืองเหมียวลี่ มุ่งหน้าไปยังจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว และช่วงเช้า 06.00 น. วันที่ 30 ก.ค. เข้าสู่มณฑลฝูเจี้ยนของจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ยังต้องระวังผลกระทบที่ตามมา ได้แก่ฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายเขตพื้นที่ ส่งผลให้ไฟฟ้าดับหลายแสนครัวเรือน ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาไต้หวัน รายงานว่า “พายุไต้ฝุ่นเนสาท” ซึ่งมีกำลังลมแรง 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้พัดถล่มหลายพื้นที่ของไต้หวัน ตั้งแต่เวลา 18.10 น. เมื่อเย็นวานนี้ (29 ก.ค.) ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้าง และก่อให้เกิดคลื่นสูงถึง 15 เมตร แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บร้ายแรงหรือเสียชีวิต

ทั้งนี้ อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นเนสาท ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของไต้หวันต้องหยุดชะงัก ทางการต้องระงับบริการรถไฟชั่วคราว และประชาชนเกือบ 250,000 ครัวเรือน ต้องไม่มีไฟฟ้าใช้ รวมถึงยกเลิกเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศรวม 312 เที่ยวบิน ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาไต้หวันคาดการณ์ว่า ฝนที่ตกหนักจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นเนสาทจะมีปริมาณน้ำฝนมากถึง 900 มิลลิเมตร หรือ 35 นิ้ว ในบางพื้นที่
เบื้องต้น รัฐบาลส่งทหารกว่า 4,500 นาย เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุไต้ฝุ่นเนสาทลูกนี้แล้ว พร้อมอพยพประชาชนกว่า 10,000 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยง ซึ่ง 1 ในจุดที่กระทบมากที่สุด คือ “มณฑลผิงตง” ทางใต้สุดของไต้หวัน มีประชาชนหลายสิบคนติดค้างอยู่ภายในบ้าน

 

พายุไต้ฝุ่นเนสาท  ถือเป็นพายุไต้ฝุ่นลูกแรกที่พัดถล่มไต้หวันในปีนี้ อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนว่า พายุไต้ฝุ่นอีกลูก ชื่อ “ไห่ถาง” เตรียมจะพัดถล่มไต้หวันเช่นกัน โดยกำลังเคลื่อนตัวอยู่ห่างจากพื้นที่ทางใต้สุดของไต้หวันประมาณ 420 กิโลเมตร  สำหรับไห่ถาง (海棠) ไต้ฝุ่นลูกที่ 10 ของปีนี้ ตั้งชื่อโดยจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อเวลา 07.30 น. ของวันที่ 30 ก.ค. นี้ มีตำแหน่งอยู่บนทะเล ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของแหลมเอ๋อหลวนปี๋ (鵝鑾鼻) ใต้สุดของเกาะไต้หวัน 260 กม. กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ช่องแคบบาชิ (巴士海峽) ด้วยความเร็ว 28 กม. / ชม. มุ่งหน้าเข้าใกล้ภาคใต้ของเกาะไต้หวัน คาดว่าช่วงเย็นของวันที่ 30 ก.ค. นี้ จุดศนย์กลางของพายุจะจะขึ้นบกที่ภาคใต้ จึงขอเตือนประชาชนที่ภาคใต้ต้องระวัง