- 02 ส.ค. 2560
ด้านกองทัพสหรัฐฯ ได้ตรวจพบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของเรือดำน้ำเกาหลีเหนือ
การทดสอบเกิดขึ้นที่อู่จอดเรือ ชินโป เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งที่ 3 ของเดือน และครั้งที่ 4 ของปีนี้ ที่เกาหลีเหนือทดสอบส่วนประกอบของระบบยิงจรวดที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพในการยิงจรวดของเรือดำน้ำเกาหลีเหนือ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานก่อนหน้านี้ด้วยว่า เกาหลีเหนือส่งเรือดำน้ำไปลาดตระเวนในทะเลนอกชายฝั่งญี่ปุ่น
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 ว่าทางด้านกองทัพสหรัฐฯ ได้ตรวจพบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของเรือดำน้ำเกาหลีเหนือ รวมทั้งหลักฐานการทดสอบการยิงจรวด หลังจากที่เกาหลีเหนือเพิ่งทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปครั้งที่สองไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยการทดสอบยิงจรวดเป็นการทดสอบระบบยิงเย็น โคลด์ ลอนช์ (Cold Launch) ที่การยิงจะใช้ก๊าซแรงดันสูงผลักลูกจรวดออกจากท่อก่อนที่จรวดจะติดเครื่องกลางอากาศ ซึ่งข้อดีของระบบนี้คือถ้าจรวดเกิดความผิดปกติก็จะไม่ระเบิดคาท่อบนเรือดำน้ำ
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯกล่าวอีกว่า การทดสอบเกิดขึ้นที่อู่จอดเรือ ชินโป เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งที่ 3 ของเดือน และครั้งที่ 4 ของปีนี้ ที่เกาหลีเหนือทดสอบส่วนประกอบของระบบยิงจรวดที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพในการยิงจรวดของเรือดำน้ำเกาหลีเหนือ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานก่อนหน้านี้ด้วยว่า เกาหลีเหนือส่งเรือดำน้ำไปลาดตระเวนในทะเลนอกชายฝั่งญี่ปุ่น และเดินทางไปไกลกว่าครั้งไหนๆ โดยไปไกลราว 100 กิโลเมตร เข้าไปในน่านน้ำสากล นับเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติ
ขณะที่ก่อนหน้านั้นทางด้าน สหรัฐฯ ประกาศทดลองระบบต่อต้านขีปนาวุธของเกาหลีเหนือสำเร็จอย่างงดงามเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก หลังจากเกาหลีเหนือประกาศว่า ประสบความสำเร็จทดลองยิงขีปนาวุธข้ามทวีป ที่สามารถโจมตีสหรัฐฯ ได้ทั้งประเทศ
การทดลองระบบป้องกันขีปนาวุธเกาหลีเหนือ (THAAD) นั้น ได้กำหนดไว้ก่อนหน้าที่เกาหลีเหนือจะทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปเมื่อ 4 กรกฎาคม แต่บังเอิญเกิดขึ้นสอดคล้องกันพอดี โดยสำนักงานป้องกันขีปนาวุธ (เอ็มดีเอ) เปิดเผยว่า ได้ทดลองระบบป้องกันขีปนาวุธ (THAAD) ด้วยการยิงเป้าหมาย ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยกลางถึง 15 ครั้ง ผลออกมาสำเร็จงดงามทุกครั้งและข้อมูลที่ได้จากการทดลองครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบป้องกันขีปนาวุธมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันการคุกคามได้อย่างเต็มที่
นอกจากทดลองระบบป้องกันขีปนาวุธแล้ว สหรัฐอเมริกาส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-1บี จำนวน 2 ลำ จากฐานทัพอากาศสหรัฐฯ ที่กวม เข้าไปบินวนเวียนเหนือคาบสมุทรเกาหลีเพื่อข่มขวัญเกาหลีเหนือไปในตัว โดยมีเครื่องบินรบญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ร่วมปฏิบัติการด้วย
ขณะที่ทางด้านนางนิกกี เฮลีย์ ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ แถลงว่า สหรัฐฯ เลิกเจรจากับเกาหลีเหนือแล้ว เพราะไม่ใช่ปัญหาของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ซึ่งจีน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ก็จะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไปแล้ว กับการทดลองยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ
ก่อนหน้านี้ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ประกาศว่า ขีปนาวุธข้ามทวีปที่ทดลองยิงไปเมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมานั้น พิสูจน์ให้เห็นว่า พื้นที่ทั่วทั้งสหรัฐฯ อยู่ในพิสัยยิงของเกาหลีเหนือ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ขีปนาวุธดังกล่าวมีพิสัยยิงไกลถึงเมืองเดนเวอร์และชิคาโกของสหรัฐฯ
ด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาทวีตข้อความว่า ผิดหวังจีนเป็นอย่างมาก ทั้งที่จีนได้ประโยชน์อย่างมหาศาลจากการค้ากับสหรัฐฯ แต่กลับไม่ทำอะไรเลยกับปัญหาเกาหลีเหนือที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญอยู่ และเขาจะไม่ยอมให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว
ด้านนักวิเคราะห์ ไมเคิล แอลล์แมน จากสถาบันระหว่างประเทศเพื่อยุทธศาสตร์ศึกษา ได้ทำการระบุว่า ดูเหมือนชิ้นส่วน “re-entry vehicle” ที่จะนำหัวรบกลับสู่ชั้นบรรยากาศโลกจะทำงานล้มเหลวในการทดสอบครั้งที่ 2 โดยเขาได้อ้างอิงจากคลิปวิดีโอ ที่มีการถ่ายจากเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่น ซึ่งแสดงให้เห้นว่าวัตถุชิ้นหนึ่งแตกกระจายเหนือท้องฟ้าในตอนดึกของค่ำวันนั้น ที่ความสูงประมาณ 4-10 กิโลเมตร
เขายังบอกต่อว่าหากไม่มีระบบป้องกันที่ดีพอ หัวรบจะเผชิญกับความร้อนสูงขณะย้อนกลับสู่ชั้นบรรยากาศโลกจนเผาไหม้ไปหมด แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือนักวิทยาศาสตร์ของเกาหลีเหนือนั้นเรียนรู้ความผิดพลาดได้อย่างรวดเร็ว และหากพวกเขาปรับปรุงและทดสอบต่อเนื่อง การนำขีปนาวุธ ICBM ออกมาใช้จริงในปีต่อไป ก็มีความเป็นไปได้สูงอย่างยิ่ง