- 30 ต.ค. 2560
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "ฝนตกหนักถึงหนักมากและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560)" ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2560
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "ฝนตกหนักถึงหนักมากและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560)" ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2560
หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ เข้าปกคลุมบริเวณอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ในช่วงวันที่ 31 ต.ค. – 3 พ.ย. 60 ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และลมกระโชกแรงที่เกิดขึ้นไว้ด้วย
สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและอันดามันมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณดังกล่าวควรงดออกจากฝั่ง
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดในระยะนี้
ประกาศ ณ วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.00 น.
กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปใน วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.00 น.
(ลงชื่อ) วันชัย ศักดิ์อุดมไชย
(นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย)
อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ได้พยากรณ์อากาศ ระหว่างวันที่ 29ตุลาคม 2560 – วันที่ 4 พฤศจิกายน 2560 เอาไว้ดังต่อไปนี้ ...
ในช่วงวันที่ 29 ต.ค. – 4 พ.ย. ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง สำหรับภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย ตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 30 ต.ค. – 3 พ.ย. ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง
ในช่วงวันที่ 29 ต.ค. – 4 พ.ย. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีอากาศเย็น และอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง สำหรับร่องมรสุมมีกำลังแรงจะเลื่อนลงไปพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร อนึ่ง มีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนตัวทางตะวันตกอย่างช้าๆ เข้าสู่บริเวณอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลอันดามัน ในช่วงวันที่ 31 ต.ค. – 3 พ.ย. ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 30 ต.ค. – 4 พ.ย. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ส่วนในช่วงวันที่ 29 ต.ค. – 4 พ.ย. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง
อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 30 ต.ค. – 4 พ.ย. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 30 ต.ค. – 4 พ.ย. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ภาคใต้ฝั่งตะวันออก
ในช่วงวันที่ 30 ต.ค. – 4 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 -40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส
ภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ในช่วงวันที่ 30 ต.ค. – 4 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
ลมตะวันออก ความเร็ว 20 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ในช่วงวันที่ 30 ต.ค. – 4 พ.ย. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง
อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.