ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมาย ได้ที่ http://www.tnews.co.th

"พระอรหันต์เมืองคอน" พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์

"มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านได้รับนิมนต์ไป จังหวัดชุมพร ท่านต้องขึ้นรถไฟที่สถานีคลองจันดี สมัยนั้นยังเป็นรถไฟหัวจักรไอน้ำ ท่านลืมสังฆาฏิที่บ้านญาติโยมในตลาดจันดี พอดีรถไฟที่ท่านจะต้องขึ้นกำลังเปิดหวูดจะออก ท่านบอกให้เด็กวัดที่ไปกับท่านไปเอาสังฆาฏิ ที่บ้านญาติโยม ในตลาดจันดี เด็กที่ไปกับท่านบอกว่า ไม่ทันแล้วพระครูพิศิษฐ์อรรถการ รถจะออกแล้ว พอท่านกล่าวว่า ไปตะ รถไฟมันรอ สิ้นคำพระครูพิศิษฐ์อรรถการรถไฟออก แต่ออกไปไม่ได้ รถล้อฟรี นี้คือความวาจาสิทธิ์ของท่าน"

ไปตะ รถไฟมันรอ..เมื่อ "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์"ลืมสังฆาฏิไว้ที่บ้านโยม ใช้ศิษย์กลับไปเอา..รถไฟออกไม่ได้ ต้องรอ วิ่งแล้วรถล้อฟรี อยู่กับที่!!

ไปตะ รถไฟมันรอ..เมื่อ "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์"ลืมสังฆาฏิไว้ที่บ้านโยม ใช้ศิษย์กลับไปเอา..รถไฟออกไม่ได้ ต้องรอ วิ่งแล้วรถล้อฟรี อยู่กับที่!!

พ่อท่านคล้าย จันทสุวัณโณ

เกิดวันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ.๒๔๑๙ เป็นบุตรของนายอินทร์ นางเหนี่ยว สีนิล

 อุปสมบท อุทกกเขปสีมา (ศาลาน้ำ) วัดวังม่วง วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๔๓๙มรณภาพ วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๓ เวลา ๒๓.๐๕ น.รวมสิริอายุ ๙๕ ปี ๗๔พรรษา

      พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน วัดพระธาตุน้อย พระครูพิศิษฐ์อรรถการ หรือ ที่รู้จักกันทั่วไปว่า "พ่อท่านคล้าย" ประวัติพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ เทวดาเมืองคอน วัตถุมงคลพ่อท่านคล้ายพระครูพิศิษฐ์อรรถการ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" นามตามสมณศักดิ์ท่านคือ พระครูพิศิษฐ์อรรถการ เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช พ่อท่านคล้าย นามเดิมว่า "คล้าย สีนิล" เกิดตรงกับ วันที่๒๗ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีชวด จ.ศ.๑๒๓๘ ร.ศ.๙๕ที่บ้านโคกทือ ตำบลช้างกลาง กิ่งอำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นบุตรของนายอินทร์ นางเหนี่ยว สีนิล มีพี่สาว ๑ คน ชื่อนางเพ็งเป็นภรรยานายซ้าย เพ็ชรฤทธิ์ ไม่มีบุตรสืบสกุลแต่มีบุตรบุญธรรมหนึ่งคน ชื่อนายครื้น เพ็ชรฤทธิ์
พ่อท่านคล้าย มีลักษณะนิสัย เป็นคนมีมานะอดทน ขยันหมั่นเพียร อยู่ในโอวาทคำสั่งสอนของบิดามารดาและครูอาจารย์อย่างเคร่งครัด สุภาพ เรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย นิสัยอ่อนโยนละมุนละไม จึงเป็นที่รักของบิดามารดา ครูอาจารย์และญาติมิตรเป็นอันมาก
เมื่ออายุ ๑๕ ปี หลวงพ่อคล้าย ประสบอุบัติเหตุในการถางป่าทำไร่กระดูกปลายเท้า สามนิ้วแตกละเอียด รักษาไม่หาย ด้วยกำลังใจที่เด็ดเดี่ยว พ่อท่านคล้ายได้ใช้มีดตัดปลายเท้าออกด้วยตัวเอง และใช้ยาพอกจนหายเป็นปกติ ขาของพ่อท่านคล้ายนั้นเสียข้างหนึ่ง คือ ขาด้านซ้ายขาดตั้งแต่ตาตุ่มลงไป (เสียตั้งแต่สมัยเด็กๆ โดนต้นไม้ทับที่บ้านญาติของท่านที่ จ.กระบี่ ขาเป็นหนองเลยต้องตัดทิ้ง โดยท่านใช้มีดปาดตาลตัดเอง) ท่านเลยต้องใส่กระบอกไม้ไผ่แทน พ่อท่านคล้าย ได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๓๘ (อายุ ๑๙ ปี) บรรพชาที่วัดจันดี ต.หลักช้าง บรรพชาโดยอาจารย์ พระอธิการจันเจ้าอาวาสวัดจันดี (ทุ่งปอน) และพ่อท่านสามารถท่อง พระปาฏิโมกข์จนได้แม่นยำ
พ่อท่านคล้าย จันทสุวัณโณ พระเกจินครศรีธรรมราช ครั้นอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ในปี พ.ศ.๒๔๓๙ ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ อุทกุกเขปสีมา (ศาลาน้ำ) วัดวังม่วง โดยมีพระอาจารย์กราย คังคสุ วัณโณ เจ้าอาวาสวัดหาดสูง เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์สังข์ สิริรตโน เจ้าอาวาสวัดไม้เรียง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ทอง ปทุมสุวัณโณ เจ้าอาวาสวัดวังม่วงเป็นพระอนุสาวนาจารย์ และมีพระอาจารย์ล้อม ถิรโชโต เป็นผู้ให้สรณคมน์และศีล ได้รับฉายาว่า จันทสุวัณโณ แล้วได้ไปจำพรรษา อยู่ที่วัดทุ่งปอน หรือวัดจันดี
การศึกษาเบื้องต้น พระครูพิศิษฐ์อรรถการ เริ่มศึกษาเบื้องต้นที่บ้าน โดยบิดาเป็นผู้สอน เรียนวิชาคำนวณ และวิชาอักษรโบราณ จนสามารถอ่านออกเขียนชำนาญ ทั้งหนังสือไทยและหนังสือขอม ต่อมาศึกษาต่อในสำนักนายขำ ที่วัดทุ่งปอน บ้านโคกทือ จนจบหลักสูตร ต่อมาได้ไปฝึกหัดเล่นหนังตะลุงกับนายทองสาก ประกอบกับพ่อท่านคล้ายมีหน้าตาดี น้ำเสียงไพเราะ จึงมีคนติดใจการเล่นหนังตะลุงของท่านมาก
ต่อมาปี พ.ศ.๒๔๔๑ พ่อท่านคล้าย ได้เข้าศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี เรียนมูลกัจจายนะ ในสำนักพระครูกาแก้ว (ศรี) ณ วัดหน้าพระธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช จบหลักสูตรมูล พอแปลบาลีได้ ศึกษาอยู่เป็นเวลา ๒ พรรษา
ปี พ.ศ.๒๔๔๓ ต่อมาได้ศึกษาทางวิปัสสนากัมมัฎฐานที่สำนักวัดสามพัน อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีอาจารย์หนูเจ้าอาวาสเป็นผู้สอน
ปี พ.ศ.๒๔๔๕ พ่อท่านคล้าย ได้กลับมาอยู่จำพรรษาวัดหาดสูง ใกล้ตลาดทานพอ ในสำนักพระครูกราย ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของพ่อท่าน เพื่อศึกษาวิปัสสนาและไสยศาสตร์ โดยเหตุที่พระครูกราย เป็นอาจารย์ฝ่ายวิปัสสนาและทรงวิชาคุณทางไสยศาสตร์ในสมัยนั้น
ปี พ.ศ.๒๔๔๗ พ่อท่านคล้าย ได้ไปจำพรรษาที่วัดมะขามเฒ่า อำเภอระโนด จังหวัดสงขลาเพื่อศึกษาภาลีและอภิธรรมเพิ่มเติม
ปี พ.ศ.๒๔๔๘ พ่อท่านกลับจากวัดมะขามเฒ่า มาจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งปอน (จันดี) ตลอดเวลาที่ท่านจำพรรษา ณ ที่ใดก็ตาม ท่านได้ศึกษาค้นคว้าภาษา บาลี วิชาโหราศาสตร์ และเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ติดต่อกันมาโดยมิได้ประมาท ด้านการก่อสร้างก็ได้สร้างไว้ตามวัดต่างๆพอสมควร
ในปี พ.ศ.๒๔๔๘ พระปลัดคง เจ้าอาวาสวัดสวนขัน ลาสิกขาบท คณะอุบาสกอุบาสิกาของวัดสวนขัน ได้ร่วนกันเสนอไปยัง ท่านพระครูกรายเจ้าคณะแขวงฉวาง ขอแต่งตั้ง"พ่อท่านคล้าย"เป็นเจ้าอาวาส วัดสวนขันแทน ท่านพระครูกรายก็เสนอไปยังเจ้าคณะเมือง (ม่วง เปรียญ) ครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณพระศิริธรรมมุนี เจ้าคณะเมือง ได้แต่งตั้งให้พ่อท่านคล้ายเป็นเจ้าอาวาสวัดสวนขันแต่นั้นมา

ไปตะ รถไฟมันรอ..เมื่อ "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์"ลืมสังฆาฏิไว้ที่บ้านโยม ใช้ศิษย์กลับไปเอา..รถไฟออกไม่ได้ ต้องรอ วิ่งแล้วรถล้อฟรี อยู่กับที่!!

สมณศักดิ์พ่อท่านคล้าย
ได้เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่พระครูพิศิษฐ์อรรถการในปี พ.ศ.๒๔๙๘ ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นพิเศษในนามสมณศักดิ์เดิม แต่ประชาชนทั่วไปเรียกท่านตามชื่อเดิมว่า พ่อท่านคล้าย
ตำแหน่ง
- ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสวนขัน ตำบลละอาย อำเภอฉวาง ใน พ.ศ. ๒๔๔๕ จนมรณภาพ
- เป็นเจ้าอาวาสวัดธาตุน้อย ใน พ.ศ.๒๕๐๐ เนื่องจากมีการสร้างถนนผ่านกลางวัดจันดีหรือวัดทุ่งปอน ทำให้วัดถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ประชาชนได้ประชุมตกลงสร้างวัดใหม่ในเนื้อที่ที่แยกออกไป เรียกว่า วัดพระธาตุน้อย และแต่งตั้งให้พระครูพิศิษฐ์อรรถการ เป็นเจ้าอาวาส เมื่อท่านมรณภาพไปแล้ว วัดนี้ก็เป็นที่ประดิษฐานสรีระของท่านไว้ในโลงแก้ว

ไปตะ รถไฟมันรอ..เมื่อ "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์"ลืมสังฆาฏิไว้ที่บ้านโยม ใช้ศิษย์กลับไปเอา..รถไฟออกไม่ได้ ต้องรอ วิ่งแล้วรถล้อฟรี อยู่กับที่!!

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพและเจ้าของข้อมูล ที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้

พ่อท่านบ้านเรา

p.moohin.com

https://www.web-pra.com/

เผยแผ่เพื่อเป็นกิตติคุณสังฆบูชา