แม่น้องเมยเปิดใจทั้งน้ำตา!! การปล่อยของตน กลับเป็นการปล่อยให้ลูกไปตาย ทุกวันนี้ได้แต่โทษตัวเอง

วันที่ 22 พ.ย. จากกรณีนายพิเชษฐ และนางสุกัลยา ตัญกาญจน์ ร้องต่อสื่อมวลชนว่าลูกชายคือ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตในวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา หลังกลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเพียง 1 วัน และไม่ได้รับคำชี้แจงที่ละเอียดจากผู้เกี่ยวข้อง ได้รับเพียงใบมรณบัตรชี้แจงสาเหตุการตายจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน

แม่น้องเมยเปิดใจทั้งน้ำตา!! การปล่อยของตน กลับเป็นการปล่อยให้ลูกไปตาย ทุกวันนี้ได้แต่โทษตัวเอง

จากนั้นทางพ่อแม่ได้นำพร้อมนำศพของนายภคพงศ์ไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตพบว่า อวัยวะภายในทั้ง ตับ ไต ไส้ พุง หายไปทั้งหมด ส่วนที่กะโหลกศีรษะมีกระดาษทิชชูยัดไว้ สมองหายไป นอกจากนี้ยังตรวจพบกระดูกซี่โครง 4 ซี่หัก และมีรอยช้ำภายในช่องท้องด้านขวา ด้านหลังภายในซีกซ้ายมีรอยช้ำ และที่ไหปลาร้าหักทั้ง 2 ข้าง ซึ่งแพทย์ระบุว่า ซี่โครงที่หักไม่น่าจะเกิดจากการปั๊มหัวใจ และรอยช้ำน่าจะเกิดจากการถูกกระแทกอย่างแรง

และเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.ท.ณตฐพล บุญงาม โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย พล.ต.กนกพงษ์ จันทร์นวล ผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร พ.ท.นรุฏฐ์ ทองสอน นายแพทย์กองพยาธิ ศูนยอำนวยการโรงบาลพระมงกุฎเกล้า พ.อ.การุณย์ สุริยวงศ์พงศา ผู้อำนวยการกองการแพทย์โรงเรียนเตรียมทหาร แถลงข่าวชี้แจงการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิต หลังบิดามารดานำร่างไปชันสูตรและพบว่าอวัยวะภายในหายไป และยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิต

แม่น้องเมยเปิดใจทั้งน้ำตา!! การปล่อยของตน กลับเป็นการปล่อยให้ลูกไปตาย ทุกวันนี้ได้แต่โทษตัวเอง

วันที่ 21 พ.ย. ด้านนางสุกัลยา แม่น้องเมย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทุบโต๊ะข่าว ช่องอัมรินทร์ ทีวี ว่า ครั้งสุดท้ายที่ลูกโทรศัพท์มาหาเมื่อ วันที่ 17 ต.ค. ลูกชายปรึกษาว่าอยากลาออก วินาทีนั้นรู้สึกตกใจมาก เพราะก่อนหน้านี้เมื่อ วันที่ 23 ส.ค. ที่ลูกชายถูกลงโทษวินัย ตนเคยบอกให้ลูกชายลาออก เพราะรับสภาพลูกถูกทรมานไม่ได้ แต่น้องเมย ยืนยันว่าจะขอเรียนต่อ ซึ่งตนเองก็เคารพการตัดสินใจของลูก และยอมรับว่า ตนเองเคยเข้าไปที่โรงเรียน เพื่อสอบถามผู้บังคับการกองพัน จึงได้รับคำอธิบายว่า “จะลงโทษรุ่นพี่ที่สั่งลงโทษลูกชายตน”  ส่วนสาเหตุที่ลูกชายชอบไปอยู่กองแพทย์ ผู้พันเคยคำตอบว่า “ไม่มีอะไร และให้ปล่อยวาง” ตนจึงตัดสินใจที่จะปล่อยวาง

แม่น้องเมยเปิดใจทั้งน้ำตา!! การปล่อยของตน กลับเป็นการปล่อยให้ลูกไปตาย ทุกวันนี้ได้แต่โทษตัวเอง

ขณะเดียวกัน นางสุกัลยา เปิดใจทั้งตาว่า “การปล่อยของตน กลับเป็นการปล่อยให้ลูกไปตาย ทุกวันนี้ รู้สึกโทษตัวเองทุกวัน เพราะหวังว่า ทางโรงเรียนจะดูแลลูกชาย รวมถึงคำสัญญาว่าจะดูแลลูกให้ดี แต่ลูกตนกลับเสียชีวิต” โดยหลังลูกชายเสียชีวิต ตนไม่ได้สอบถามทางผู้พันแต่อย่างใด เพราะไม่อยากฟังคำแก้ตัว
ด้าน น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ อายุ 23 ปี พี่สาวของน้องเมย เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้นำร่างของน้องชาย ไปผ่าชันสูตรรอบที่ 2 และได้เข้าไปสังเกตการณ์ ตอนที่แพทย์ผ่ากะโหลกศีรษะน้องชาย ต้องตกใจเมื่อพบว่าเต็มไปด้วยกระดาษชำระ ที่ใส่ไว้เพื่อซับเลือด

แพทย์ผู้ผ่าพิสูจน์ บอกให้ตนใจเย็นๆ เพราะบางครั้งการผ่าชันสูตร แพทย์อาจนำอวัยวะที่ตรวจเสร็จสิ้น ใส่รวมกันไว้ที่ช่องท้อง แต่เมื่อผ่าที่ช่องท้อง กลับพบว่า หัวใจ กระเพาะปัสสาวะ และกระเพาะอาหาร หายไป รวมทั้งตรวจพบกระดูกซี่โครงซี่ที่ 4 หัก และมีรอยช้ำภายในช่องท้องด้านขวา ส่วนด้านหลังซีกซ้ายมีรอยช้ำ และไหปลาร้าหักทั้ง 2  ข้าง โดยแพทย์ยังไม่สามารถยืนยัน ถึงสาเหตุอาการบาดเจ็บเหล่านี้ได้

เผยอีกว่าเช้าวันที่ 16 ต.ค. น้องชายตนถูกธำรงวินัย แต่ตนไม่ทราบว่าน้องได้ไปทำผิดอะไร และได้มีรุ่นพี่ได้พา น้องเมย ไปที่กองแพทย์ โดยมีผู้หวังดีแจ้งให้ตนทราบ ส่วนน้องชายเคยถูกทำธำรงวินัย เมื่อวันที่ 23 ส.ค. จากรุ่นพี่ปี 3 จนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล สาเหตุการธำรงวินัย เป็นเพราะน้องชายกับเพื่อนอีกคน เดินไปในเส้นทางที่รุ่นพี่ห้ามเดิม ทำให้ถูกลงโทษให้ใช้หัวปักลงพื้นยกขึ้น และหมุนนานเป็นชั่วโมงจนหมดสติ

จากนั้น ตนจึงเดินทางไปยัง โรงเรียนนายร้อยเพื่อรับสภาพโทษให้น้อง แล้วได้รับคำอธิบายจากผู้บังคับการกองพันว่า น้องชายไม่ได้มีความผิด แต่รุ่นพี่ทำผิดที่ลงโทษน้อง ในท่าต้องห้าม ทำวินัยในสถานที่ไม่ถูกต้องคือ ห้องน้ำทหาร และทำวินัยนอกเหนือเวลาที่กำหนด คือหลัง 22.00 น.
หากถามว่า ตนเคยขอดูกล้องวงจรปิดที่สถานที่เกิดเหตุ เพื่อขอดูภาพการธำรงวินัยของ น้องเมย หรือไม่นั้น น.ส.สุพิชา บอกว่า ตนไม่เคยขอดู แต่ทางผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร บอกว่า ช่วงเช้าวันที่ 16 ต.ค. ที่มีผู้สั่งให้ น้องเมยธำรงวินัย มีกล้องวงจรปิดอยู่ และทางผู้บัญชาการได้มีการตั้งคณะสอบภายในเสร็จสิ้นแล้ว แต่เอกสารจะได้ภายในสัปดาห์หลังจากเกิดเรื่อง แต่จนถึงขณะนี้ตนยังไม่ได้หลักฐานดังกล่าว

แม่น้องเมยเปิดใจทั้งน้ำตา!! การปล่อยของตน กลับเป็นการปล่อยให้ลูกไปตาย ทุกวันนี้ได้แต่โทษตัวเอง

พี่สาวน้องเมย ยอมรับว่า ผู้บังคับการกองพัน เคยบอกตนเองว่า จะทำโทษรุ่นพี่รายดังกล่าว ด้วยการปลดออกจากนักเรียนบังคับบัญชา ซึ่งเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติ แต่ทางครอบครัวไม่อยากให้เป็นแบบนั้น

ทั้งนี้ น.ส.สุพิชา บอกอีกว่า อยากให้ทางกองทัพและผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง เนื่องจากในวันนี้ตนยังได้รับคำตอบไม่ชัดเจน รวมถึงโรงพยาบาลที่นำอวัยวะน้องออกไปจากร่างกาย ซึ่งครอบครัวอยากได้คำอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น

 

 

ขอบคุณรายการทุบโต๊ะข่าว ช่องอัมรินทร์ ทีวี