ระยะอันตราย!!โดนเต็มๆ 2 ป."บิ๊กป้อม-บิ๊กแป๊ะ"เจอจวกหนัก สัมภาษณ์เสียดแทงความรู้สึก เคส"น้องเมย"เสียชีวิตผิดธรรมชาติ #รู้ทั้งรู้ครอบครัวเศร้า

สืบเนื่องจากประเด็น นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ หลังครอบครัวออกมาร้องเรียนสงสัยการตายผิดปกติ และไม่พบอวัยวะในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณสมองซึ่งไม่ปรากฏอยู่ในศพ นอกจากนี้ภายในยังถูกยัดกระดาษเอาไว้ด้วย จนกลายเป็นประเด็นที่หลายคนสงสัยต้องการหาคำตอบการตายในครั้งนี้

โดยในเวลาต่อมาเป็นที่คาใจของครอบครัว นายภคพงศ์ และคนในสังคมเป็นอย่างยิ่งเมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนายภคพงศ์ ว่า ยืนยันว่าทำตามระเบียบทุกขั้นตอน โดยได้นำกล้องวงจรปิดไปลงบันทึกประจำวันแล้วเรียบร้อย ซึ่งสาเหตุที่น้องเมยเสียชีวิตมาจากปัญหาสุขภาพที่ไม่แข็งแรง ไม่ใช่ถูกลงโทษ ส่วนเรื่องการซ่อมหรือดำรงวินัย พล.อ.ประวิตร ยอมรับว่า เป็นเรื่องปกติ ตัวเองก็เคยถูกซ่อมจนสลบเช่นกัน ซึ่งใครที่จะเป็นทหารต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมกับการฝึกและถูกทำโทษ

ขณะที่ พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดเผยว่าน้องเมยน่าจะมีโรคประจำตัว แต่ไม่ได้ขัดกับการเข้ามาเป็นทหาร ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างทำความเข้าใจกับครอบครัว ขณะเดียวกันได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบกรณีการซ่อม หรือดำรงวินัยเมื่อเดือนสิงหาคมจนน้อยเมยหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ พร้อมยืนยันว่า การฝึกหนักและการซ่อมดำรงวินัยเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำเพื่อแปรสภาพจากพลเรือนไปสู่ทหาร แต่ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบและระเบียบ

 

ทั้งนี้ เมื่อเรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างเป็นที่พูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์ถึงการตอบคำถามครั้งนี้ โดยล่าสุด เฟซบุ๊ก "Kanok Ratwongsakul" ได้โพสต์ข้อความว่า...การแถลงข่าววันนี้ทำให้ท่านหมดสภาพความเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงหลัก และไม่เหลือสภาพความเป็นผู้ใหญ่ของรัฐบาล จากหลายประเด็นข่าวร้อน การเสียชีวิตของ "น้องเมย" 1. ให้ข้อมูลผิดอย่างไม่น่าเชื่อ "หมอเค้าก็ตรวจสอบ มันอาจจะเป็นในช่วง..เค้าว่าเป็นฮีทสโตรก.." น้องเมยเป็นโรคลมแดด เสียชีวิต?!? ไม่ทราบว่าใครรายงานท่าน หรือท่านอ่านรายงานไม่ละเอียด หรือหลุดปากพูดไปเอง? ที่สุดแล้วทั้งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทั้งโฆษกกระทรวงกลาโหม ต้องออกมาแก้ข่าวว่า ไม่ใช่สาเหตุจากฮีทสโตรก เดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ต้องมาล็อบบี้นักข่าว อย่าปล่อยช่วงที่ท่านพูดว่าฮีทสโตรกออกอากาศ ขอความร่วมมือนักข่าว อย่านำเสนอ

 

2. นักข่าวถาม..การซ่อมมีขอบเขตอย่างไรบ้าง? "ผมก็โดนมา ยึดพื้นอะไรพวกนี้ ไม่มีการไปถูกตัวหรอก ให้วิ่ง ให้สก๊อตจั๊ม ยึดพื้น ไม่มีอะไรหรอก" ..ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่ามันเกินกำลังที่มนุษย์จะรับได้ จะทำยังไง? "เอ้า! ผมก็เกิน ผมก็สลบ ไม่เห็นเหรอ ตอนผมโดน" แต่นี่เค้าเสียชีวิตเลยนะท่าน "ก็ผมมันไม่ตายไง.." ท่านตอบ..(มีเสียงหัวเราะจากเหล่าทหารที่ยืนรายล้อม) ขอโทษเถอะครับ ใครเขาสนใจว่าท่านเคยถูกซ่อมอะไรมา ท่านเปรียบกับตัวเองทำไม..แถมยังใช้คำพูดว่า "ไม่เห็นเหรอ ผมโดนซ่อมจนสลบ" ไม่เห็นหรอก มันกี่สิบปีมาแล้วล่ะ สังคมและครอบครัวเขาสงสัยว่าที่น้องเมย เคยโดนซ่อมจนเกือบตาย เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมนั้น มันมีรายละเอียดอย่างไร แม้แต่ ผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร ยังยอมรับว่ามีการลงโทษทางวินัยผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว! แสดงว่า..ซ่อมกันจนเกินขอบเขต

 

3. จะแก้ไขปัญหาพวกนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก "ก็ไม่ต้องเข้า ไม่ต้องมาเป็นทหาร เราเอาคนที่เต็มใจ" ตัดบทแบบนี้เลย นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะให้สัมภาษณ์ทำนองนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวที่ครอบครัวเขายังโศกเศร้า และสงสัยหลายประเด็นพร้อมกับสังคม แต่นึกอีกที..ก็จำไม่ได้ว่า เคยประทับใจการแถลงข่าวของท่านครั้งไหน? เหมือนไม่เคยประทับใจ (ข่าวที่เกี่ยวข้อง : "ท่านไม่ให้ราคาลูกผมเลย หรือท่านไม่มีลูก..." แม่ร่ำไห้รับอวัยวะน้องเมย พ่อเดือดผบ.สส.ประวิตร!?! เชื่อใจลุงตู่ ฝากความหวังช่วยด้วย…)

 

ขณะที่เพจ "นักกอดหมอนออนไลน์" ยังได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นนี้อีกด้วยหลังจากที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภ.2 รายงานมาว่า ขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการในส่วนของการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือทางกองทัพยังไม่ได้มีการประสานอะไรมา “คดีแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว โรงเรียนเหล่ามีลักษณะคล้ายๆ แบบนี้เป็นประจำ ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้น การพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง ก็มีกระบวนการของเขาอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเราจะไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ส่วนกรณีที่อวัยวะภายในของ นายภัคพงค์ หายไป คงเป็นขั้นตอนในการชันสูตรพลิกศพ ถ้าญาติข้องใจสามารถเข้าใจแจ้งความได้ แล้วแต่ญาติเขาอยู่แล้ว ส่วนจะเป็นคดีอาญาได้หรือไม่นั้นต้องว่ากันอีกที ว่ากันไปทีละขั้นตอน อย่าพูดชี้นำไปบางทีไม่ดี”

 

ว่า...เอ่อ......

เราว่ามันไม่น่าใช้คำว่าปกติเนอะ

*ก่อนจะมีคนเข้าใจผิดไปไกล มิตรสหายนักเรียนนายร้อยคุยกันเรื่องนี้ว่ามีผู้ที่เสียชีวิตจากการฝึกอยู่บ้างนะครับ อาจเพราะสภาพร่างกาย ณ ตอนนั้นๆ ไม่พร้อมหรืออาการเจ็บป่วยบางอย่างมันซ่อนอยู่หรือเพิ่งมาเป็นตอนเข้าไปเรียนแล้วเช่นโรคหัวใจเป็นต้น คนในเลยมองว่ามันปกติในมุมของเขา แต่ในมุมคนนอกแน่นอนครับการส่งลูกหลานไปเรียนเราไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะไปเสียชีวิต ผมว่าท่านให้สัมภาษณ์ในตอนนี้พอหลุดคำนี้ออกมาในสถานการณ์แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะ

(ข่าวก่อนหน้า : ย้อนไทม์ไลน์วันเกิดเหตุ!! เปิดภาพวงจรปิด...17/10/60 วินาทีหาม "น้องเมย" ส่งโรงพยาบาลก่อนเสียชีวิต?)

 

 

 

ขอบคุณที่มา : นักกอดหมอนออนไลน์     Kanok Ratwongsakul