รวบ 2 ต่างด้าว สวมบัตรปชช.นานกว่า 28 ปี เปิดบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญ

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชแทน รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รรท. รอง ผบช.ทท.) แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติสวมบัตรประชาชนเป็นคนไทยแล้วเปิดบริษัททัวร์ท่องเที่ยวในลักษณะทัวร์ต่ำกว่าทุนหรือ ทัวร์ศูนย์เหรียญ

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล  เปิดเผยว่า จากการสืบสวนสอบสวนกรณี นางกานดา เฉิน อายุ 44 ปี ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นบุคคลต่างด้าว ทำการสวมบัตรประชาชนเป็นคนไทยโดยการจัดทำเอกสารในการขอเพิ่มชื่อเข้าในทะเบียนบ้านที่ปัจจุบันได้ทำการรื้อถอน และจำหน่ายออกจากระบบแล้วโดยทุจริต ปัจจุบัน นางกานดา หรือชื่อเดิม กานดา พยัพเดช ซึ่งปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท อาร์ เอ็กซ์ทราเวลแอนด์เทรดดิ้ง จำกัด จากการสืบสวนทราบว่า นางกานดา เฉิน ได้ทำคำร้องขอเพิ่มชื่อเข้าในทะเบียนบ้านที่จ.พิจิตร โดยใช้ชื่อว่า ด.ญ.กานดา พยัพเดช  ต่อมาได้ทำบัตรประชาชนครั้งแรกเมื่อ 19 พ.ย 2535 ซึ่งหลังจากที่ได้ทำบัตรประชาชนเป็นคนไทยมากว่า 28 ปี และได้เปลี่ยนชื่อเป็น นางกานดา เฉิน จนเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2553 ได้มีการมาทำบัตรที่สำนักงานเขตดุสิต กรุงเทพ

 
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและนำไปสู่การออกหมายจับ นางกานดา เฉิน ในความผิดฐาน "ยื่นคำขอมีบัตร โดยไม่ได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ หรือปกปิดความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และใช้หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือกระทำการเพื่อให้ตนเองมีรายการในทะเบียนหรือบ้านหรือเอกสารทะเบียนราษฎร์โดยมิชอบ และแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน" ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนางกานดาเฉิน นำส่งตัวไปยังพนักงานสอบสวน ที่ สน.ดุสิต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ส่วนอีกกรณีเป็นของ นางสาวสุณี พยัพเดช อายุ 40 ปี ซึ่งพบว่า มีพฤติการณ์เป็นบุคคลต่างด้าวสวมบัตรประชาชนเป็นไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถ จับกุมตัวนางสาวสุณี ได้ที่บริเวณชั้น 2 ลานจอดรถภายในอาคารชุด จอนนี่ ทาวเวอร์เขตห้วยขวาง กรุงเทพ ซึ่งได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ. บางใหญ่ ตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 
“ผู้ต้องหาที่จับได้ทั้ง 2 คนในวันนี้จะมีการขยายผลจับเพิ่มอีก ขณะนี้ได้ทำการตรวจ ดีเอ็นเอ ของ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนว่า เป็นญาติกันหรือมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ส่วนเรื่องของการพิสูจน์สัญชาติคงต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการต่อเพราะการตรวจ ดีเอ็นเอ ทำได้ก็เพียงระบุว่า เป็นคนเชื้อชาติใด ซึ่งผลก็คือเป็นคนเอเชีย จึงต้องรอให้หน่วยงานที่ดูแลด้านนี้โดยตรงมาดำเนินการ ส่วน บริษัทท่องเที่ยวที่จัดตั้งขึ้นมานั้นก็จะประสาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพิกถอนทะเบียนการค้าทั้งหมด ซึ่งในส่วนของ บ.ทัวร์ประเภททัวร์ศูนย์เหรียญในไทย พบว่า สถานการณ์ดีขึ้น แต่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเร่งกวาดล้างให้หมด และหากตรวจพบว่า มีข้าราชการมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการตามกฎหมายด้วยเช่นกัน” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว