- 24 พ.ย. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร หรือ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่ริมถนนบวรนิเวศและถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พระอารามนี้เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชถึง ๔ พระองค์ นั่นก็คือ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ , สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส , สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ , สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน) ทั้งยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๖ (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) และ วัดประจำรัชกาลที่ ๙ (พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช) อีกด้วย
สำหรับความลึกลับเกี่ยวกับวัดเก่าแก่แห่งนี้ ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานเล่าขานถึงสิ่งลี้ลับมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผีที่คณะแดง หรือ แม้กระทั่งผีเปรต ที่พระ เณรต่างร่ำลือกันมารุ่นสู่รุ่น เหตุที่เป็นเช่นนี้คงเพราะที่แห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ของเจ้านายผู้มีเชื้อสายและขุนนางผู้ใหญ่มาแต่โบราณ เป็นวัดใหญ่ที่สร้างมานานจึงมีเสนาสนะมีพระอุโบสถ วิหาร เจดีย์ หมู่กุฏิพระ พระตำหนักต่าง ๆ และเรือนไทยอันสวยงามมากมาย ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมยุคเก่า สภาพภายในวัดร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย มองดูร่มเย็น และสงบเงียบด้วยเหตุนี้ จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีวิญญาณมาอาศัยเยอะ เพราะสถานที่สวยงามและน่าอยู่
พระสุชาติ ชาติสุโภ วัดบวรนิเวศวิหาร เล่าให้คุณสนิท ธนรักษ์ ฟังว่าสำหรับตัวท่านเองเคยได้รับการยืนยันจากน้องสาวว่า เคยเห็น พระวิญญาณของ "สมเด็จกรมหลวงวชิรญาณวงศ์ พระสังฆราชเจ้า" ที่หอสหจรมาแล้ว โดยเล่าให้ฟังว่า
เมื่อประมาณปี ๒๕๑๙ นั้น ท่านพักอยู่ที่คณะหอสหจร ได้มีน้องสาวร่วมบิดา-มารดาเดียวกันมาเยี่ยมที่กุฏิ ก็เลยนั่งสนทนากันอยู่นานถึงเรื่องต่างๆ จนกระทั่งเกือบ ๔ โมงเช้า ก่อนที่น้องสาวจะลากลับ น้องเกิดปวดท้องจึงขออนุญาตเข้าห้องน้ำ ท่านสุชาติบอกกับน้องว่า ห้องน้ำอยู่ชั้นบน ขึ้นไปเถอะ
ครั้นน้องของท่านขึ้นบันไดไปชั้นบนจะเข้าห้องน้ำ ก็สวนทางกับพระภิกษุรูปหนึ่ง ห่มครองจีวรสีกรัก น้องของพระสุชาติรีบนั่งยกมือไหว้ สังเกตุเห็นใบหน้าท่านยิ้มๆ แล้วหลีกทางไปอีกทางหนึ่ง เมื่อเธอเสร็จธุระแล้วก็กลับลงมาข้างล่างและถามพระพี่ชายว่า
"หลวงพี่ข้างบนมีพระผู้ใหญ่แก่ๆ มาพักอยู่ด้วยหรือ ?"
พระสุชาติตอบปฏิเสธว่า ไม่มีใครหรอก น้องก็ยืนยันว่า
"ก็หนูเห็นมากับตานี่นา หนูยังยกมือไหว้ท่านเลย"
พระสุชาติได้รับการยืนยันอย่างแข็งขันเช่นนั้น นึกขึ้นมาได้ก็เลยชี้ให้น้องสาวดูภาพถ่ายของพระอาจารย์ต่าง ๆ ที่แขวนบ้าง ตั้งบ้างอยู่ในห้อง แล้วถามว่า องค์นี้ใช่ไหม ? น้องก็ตอบว่า ไม่ใช่ องค์นั้นล่ะ ? น้องก็บอกอีกว่า ไม่ใช่ พระสุชาติถามเกือบทุกองค์ทั้งๆ ที่บางองค์ยังมีชีวิตอยู่และบางองค์ก็มรณภาพหรือสิ้นพระชนม์ไปแล้ว น้องสาวก็ตอบว่า ไม่ใช่ทั้งสิ้น แต่ครั้นพระสุชาติชี้ไปที่พระรูปของ
"สมเด็จกรมหลวงวชิรญาณวงศ์"
น้องก็รีบบอกทันทีว่า "องค์นี้แหละ องค์นี้แหละหนูจำได้แน่นอน แก้มของท่านยุ้ยๆ หน้าตาท่านยิ้มๆ เหมือนคนใจดี"
เมื่อพระสุชาติทราบเช่นนี้นก็ไม่ได้ถามอะไรต่อไปอีกและไม่ได้บอกกับน้องด้วยว่า พระรูปนั้นเป็นใครเพราะเกรงว่าน้องจะกลัว คุณสนิท ธนรักษ์ บอกว่า เมื่อพระสุชาติเล่าจนจบก็ทำให้ท่านคิดว่า พระหลวงตาแก่ๆ ที่ไปอบรมโยมแม่ของสามเณรหน่วยที่ตึกพักตรพิมลพรรณ นั้นน่าจะเป็นพระวิญญาณของ "สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ฯ" เพราะโดยปกติพระองค์ท่านประทับอยู่ที่ตึกบัญจบเบญจมา ซึ่งถ้าไม่สังเกตให้ดี มักจะเข้าใจว่าเป็นตึกหลังเดียวกัน (กับตึกพักตรพิมลพรรณ) แต่ที่แท้เป็นคนละหลัง และสร้างคนละคราว หากแต่ทางวัดได้ต่อเฉลียงชั้นบนให้ถึงกันได้ในภายหลัง
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชเมื่อปี พ.ศ๒๔๘๘ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงดำรงตำแหน่งอยู่ ๑๔ พรรษา สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๑ สิริพระชนมายุ ๘๖ พรรษา
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๑ เวลา ๐๑.๐๘ น. พระศพตั้งบำเพ็ญกุศล ณ ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร คณะปฏิวัติให้สถานที่ราชการทุกแห่งลดธงลงครึ่งเสา ๓ วัน และให้ข้าราชการไว้ทุกข์ ๑๕ วันเพื่อถวายความอาลัยและได้รับพระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุวัดเทพศิรินราวาส เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๐๓