- 14 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.gninternews.com
สำนักข่าว ซินหัว รายงาน จากกรณีทั่วโลกให้ความสำคัญ และตระหนักถึงอย่างมากเกี่ยวกับภัยพิบัติ ตีพิมพ์ในวารสารของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐฯ (PNAS) เกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลกำลังอยู่ในอัตราเร่งเร็วขึ้นและอาจแตะหลัก 66 เซนติเมตรก่อนสิ้นศตวรรษ ซึ่งมีความสดคล้องกับการประเมินของสหประชาชาติ (UN) และเพียงพอต่อการสร้างปัญหาใหญ่แก่เมืองท่าริมชายฝั่ง โดยมีการระบุรายละเอียดไว้ว่า..
ผลการศึกษาซึ่งตีพิมพ์ในวารสารของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐฯ (PNAS) เมื่อวันจันทร์ (12 ก.พ.) ระบุว่าการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลกำลังอยู่ในอัตราเร่งเร็วขึ้นและอาจแตะหลัก 66 เซนติเมตรก่อนสิ้นศตวรรษ สอดคล้องกับการประเมินของสหประชาชาติ (UN) และเพียงพอต่อการสร้างปัญหาใหญ่แก่เมืองท่าริมชายฝั่ง
รายงานฉบับล่าสุดที่อ้างอิงข้อมูลดาวเทียมระยะเวลา 25 ปี พบว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในแต่ละปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ราวสามมิลลิเมตรต่อปี อาจดีดขึ้นมากกว่าสามเท่าตัวไปอยู่ที่ 10 มิลลิเมตรต่อปีภายในปี 2100
“อัตราเร่งที่เร็วขึ้นมีปัจจัยหลักจากการละลายเร็วขึ้นของแผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกา และเป็นไปได้ว่าจะดันระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวภายในปี 2100 เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ที่ตั้งสมมติฐานในอัตราคงที่” สตีฟ เนเรม อาจารย์ด้านวิทยาศาสตร์วิศวกรรมการบินและอวกาศ มหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์ กล่าว
“นี้เป็นการประเมินขั้นต่ำที่เกือบจะเที่ยงตรงที่สุด” เนเรมกล่าว พร้อมเสริมว่าการศึกษาดูตรงกับรายงานการประเมินฉบับที่ 5 (AR5) ของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC)
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (climate change) นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลได้สองทาง หนึ่งคือความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกที่สูงขึ้นในชั้นบรรยากาศจะกระตุ้นอุณหภูมิของน้ำทะเลและการขยายตัวของกระแสน้ำอุ่น
การขยายตัวของกระแสน้ำอุ่นหรือเรียกว่าการขยายตัวทางความร้อน (thermal expansion) ได้ปรากฏผลกระทบให้เห็นแล้วด้วยการครองสัดส่วนราวครึ่งหนึ่งของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น 7 เซนติเมตรในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา
ส่วนทางที่สองคือกระแสน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการละลายอย่างรวดเร็วของน้ำแข็งในเขตขั้วโลก
“การศึกษาคราวนี้ต้องการเน้นย้ำบทบาทสำคัญของข้อมูลดาวเทียมในการตรวจสอบโมเดลการพยากรณ์สภาพอากาศ” จอห์น ฟาซูลโล นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์วิจัยบรรยากาศแห่งชาติ (NCAR) ผู้เขียนร่วมของงานวิจัยกล่าว
คณะผู้เขียนร่วมมาจากมหาวิทยาลัยเซาท์ ฟลอริดา (USF) ศูนย์การบินอวกาศก็อดเดิร์ด (GSFC) มหาวิทยาลัยโอล์ด โดมิเนียน (ODU) และศูนย์วิจัยบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา
ขอขอบคุณที่มา : China Xinhua News