- 07 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีวันนี้ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปหอประชุมพุทธมณฑล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ทรงเปิดการประชุมพระสังฆาธิการทั่วประเทศ ตามมติมหาเถรสมาคมครั้งที่ ๗/๒๕๖๑ โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระโอวาท ความตอนหนึ่งว่า
“สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพระราโชบายไว้ เป็นแนวทางการดำเนินงานของคณะสงฆ์ ว่า ‘พัฒนาความรู้และคุณภาพพระสงฆ์ ให้เป็นหลักทางใจของประชาชน ให้พระมีความสำนึกและเป็นประโยชน์ในสังคมไทย’
มหาเถรสมาคม รับสนองพระราโชบายนี้ด้วยการประกาศเน้นย้ำ ให้พระสังฆาธิการ เจ้าอาวาส พระอุปัชฌาย์ และพระเถระทั้งหลาย เอาใจใส่ในการคัดกรองบุคคลผู้จะมาบรรพชาอุปสมบท การอบรมสั่งสอนพระภิกษุสามเณรในปกครอง และการกวดขันผู้อยู่ในปกครองหรือผู้เป็นศิษย์ ให้ดำรงตนในกฎระเบียบ และพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ดังที่ท่านคงทราบกันดีอยู่แล้ว
อันที่จริง ท่านเจ้าคณะพระสังฆาธิการที่มาประชุมพร้อมเพรียงกันที่นี้ ย่อมทราบดีว่าท่านเป็น ‘เจ้าพนักงาน’ ตามกฎหมาย
ในกฎหมายของบ้านเมืองนั้น ถ้าบุคคลใดมีตำแหน่งหน้าที่เป็นเจ้าพนักงาน ก็ย่อมอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน คือถ้าปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ บุคคลผู้เป็นเจ้าพนักงานก็ย่อมต้องได้รับผลร้ายตามกฎหมายของบ้านเมืองอย่างไม่มียกเว้น กฎหมายนั้นนับเป็นบรรทัดฐานที่หนักที่สุดของสังคม ถ้าไม่ปฏิบัติตาม หรือฝ่าฝืน ก็ต้องได้รับโทษตามบทบัญญัติ
ในขณะเดียวกัน เราทั้งหลายก็ล้วนเป็นบรรพชิต ยังมีบรรทัดฐานอีกระดับหนึ่งที่เรียกว่า ‘พระธรรมวินัย’ คอยกำกับความประพฤติไว้ พระภิกษุสามเณรนั้น ถ้าดำรงตนอยู่ในพระธรรมวินัยได้ ก็ไม่ต้องไปวิตกกังวลใดๆ เลยว่ากฎหมายบ้านเมืองจะมาส่งผลร้ายอะไรแก่ตัวท่าน สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงวางระเบียบแบบแผนการวางตนของบรรพชิต ทั้งในฐานะที่เป็นปัจเจกบุคคล และในฐานะที่จะมีความสัมพันธ์กันในหมู่คณะที่เรียกว่าคณะสงฆ์ ไว้อย่างครบถ้วนงดงามทุกสถานแล้ว
ในการประชุมเจ้าคณะพระสังฆาธิการทั่วประเทศในครั้งนี้ ผมจึงขอย้ำเตือนให้ทุกท่านได้ศึกษาทบทวน ปฏิบัติการ และกวดขันผู้อยู่ในปกครอง ให้อยู่ภายใต้พระธรรมวินัย กฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่ง อย่างเคร่งครัด
และขอให้ท่านยึดถือปฏิบัติตามจริยาพระสังฆาธิการอย่างมั่นคง เพื่อช่วยกันรักษาเชิดชูคณะสงฆ์ของเรา จรรโลงพุทธจักรของเรา ให้สถาพรมั่นคงเป็นหลักอยู่คู่ราชอาณาจักรไทย สมพระราชประสงค์ของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ตลอดกาลนาน”
ขอบคุณข้อมูล-ภาพ : สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช