ไม่ธรรมดาจริงๆ คนนี้!!!ย้อนดูคดี "องอาจ" โฆษกวัดพระธรรมกาย ก่อนโผมอบตัว หลังหนีมานาน (รายละเอียด)

ไม่ธรรมดาจริงๆ คนนี้!!!ย้อนดูคดี "องอาจ" โฆษกวัดพระธรรมกาย ก่อนโผมอบตัว หลังหนีมานาน (รายละเอียด)

ย้อนกลับไป หลังจากที่ ดีเอสไอ ได้แถลง "องอาจ ธรรมนิทา" เข้ามอบตัวที่ สภ.คลองหลวง และกองปราบปราม เมื่อคืนนี้(15 ก.พ.60) โดยตำรวจให้ประกันตัวไปแล้ว 

สืบเนื่องจากการที่  พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยทีมกฎหมาย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ศรสุพรรณ อดทนศรีอนันต์ รองสารวัตร (สอบสวน) กก.2 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดี นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย กับพวก ในข้อหาผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต โดยยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 โดยนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบให้กับพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี

เนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา นายองอาจ ได้แถลงจุดยืนของคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย 9 ข้อ ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตามรปะมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2) ยุยงด้วยวาจา จึงมากล่าวโทษนายองอาจ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับพนักงานสอบสวน บก.ป.โดยนำเอกสารหลักฐานต่างๆ มามอบให้พนักงานสอบสวนได้พิจารณาเพิ่มเติม ว่านอกเหนือจากข้อกล่าวหาที่แจ้งดำเนินคดีไว้แล้วนั้น ยังเข้าข่ายความผิดอื่นใดอีกหรือไม่ โดยขอให้เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนในการพิจารณาดำเนินคดีเพิ่มเติมตามความผิดข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย

ต่อมา นายองอาจ ได้แถลงผ่านเฟซบุ๊ก เพจ เครือข่ายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก ว่า ตามที่มีข่าวว่าทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับกระผม นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ในข้อหายุยง ปลุกปั่น ให้เกิด ความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ที่กองบังคับการปราบปรามนั้น กระผมขอเรียนชี้แจง ดังนี้  " กระผมขอปฏิเสธว่าไม่ได้มีเจตนายุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน แต่ประการใดในการแถลงข่าวที่ผ่านมามีแต่เพียงการนำเสนอความจริงที่เกิดขึ้นต่อสื่อมวลชน เป็นการพูดโดยหลักการเท่านั้น เพื่อให้ทางราชการเข้าใจถึงความรู้สึกนึกคิดของประชาชน คือ คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาให้สำเร็จ ด้วยความสงบเรียบร้อย กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เป็นหน่วยงานระดับกรม มีบุคลากรนับพันคนที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย มีอาวุธ และมีงบประมาณปีละหลายพันล้านบาทเมื่อ DSI ตั้งตัวเป็นคู่กรณี แจ้งความกล่าวโทษใคร คนๆ นั้นย่อมต้องกลัว เพราะเหมือนสู้อยู่กับยักษ์ใหญ่ มีกระบอง มีอำนาจ มีเงินมหาศาล แต่กระผมแม้เป็นเพียงเด็กหนุ่ม ไม่มีอำนาจราชศักดิ์ใดๆ แต่ก็เชื่อมั่นในความถูกต้องบริสุทธิ์ใจของตน และพร้อมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ตามกระบวนการยุติธรรมแทนที่จะค้าความตั้งตนเป็นคู่กรณีกับประชาชน ซึ่งอาจทำให้คนหวาดกลัวไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ DSI เกรงว่าภัยจะมาถึงตัว ถ้า DSI ใช้โอกาสนี้รับฟังความเห็น ของประชาชน เพื่อพิจารณาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สมบูรณ์ขึ้น จนเป็นที่ยอมรับของประชาชน ย่อมจะเป็นแนวทางที่ถูกต้องสร้างสรรค์  สมเป็นหน่วยราชการที่รับใช้ประชาชนมิใช่หรือ? จึงขอเรียกร้องให้ DSI แสดงความจริงใจต่อประชาชน โดยการถอนแจ้งความ" 

(คลิกอ่าน : ด่วนที่สุด!!! ศาลอาญาออกหมายจับ "องอาจ ธรรมนิทา" ผิดมาตรา 116 ฐานยุยง ปลุกปั่น)


 


เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา พ.ต.ต.วรณัณ ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยทีมกฏหมาย เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ศรสุพรรณ อดทนศรีอนันต์ รองสารวัตร (สอบสวน) กก.2. บก.ป. เพื่อดำเนิดคดีกับนยองอาจ ธรรมนิทา โฆษกวัดพระธรรมกาย กับพวก ในฐานความผิดฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา วิธีอื่นใด อันไม่ใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 116 (2) 

หลังจากนั้นวันที่ 15 ธันวาคม 2559  ได้อนุมัติหมายจับ นายองอาจ ธรรมนิทา
ความผิดฐานยุยงปลุกปัานให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา วิธีอื่นใด อันไม่ใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 116 (2)
ตามที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้ยื่นคำร้อง การออกหมายจับดังกล่าว สืบเนื่องจาก พ.ต.ต.วรณัณ ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามให้ดำเนินคดี นายองอาจ (คลิกอ่าน : ด่วนที่สุด!!! DSI แจ้งเอาผิด "องอาจ ธรรมนิทา" โฆษกวัดพระธรรมกาย ผิดมาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น!!!)


และได้มีผู้ใช้เฟสบุคชื่อว่า "เทอดศักดิ์ โต้ง เจียมกิจวัฒนา" ได้ทำการโพสต์รูปภาพ นายองอาจ ธรรมนิทา โดยมีข้อความระบุว่า "มีคนส่งมาใครหว่า ?? ไปไกลจังถึงฝรั่งเศส เห็นพระสงฆ์สาวกธรรมกายไปกินอาหารบุฟเฟ่ ญี่ปุ่น มีพระสงฆ์ 2 โยม 6 คน ในนั้นมีศิษย์เอก พระธัมชโยอยู่ด้วย พวกเขาสั่งบุฟเฟ่ปลาดิบมากินกัน ไม่น่าเชื่อว่าพระนิกายนี้จะฉันปลาดิบได้"
ขณะที่ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน ถึงความคืบหน้าการติดตามตัวนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย  หลังมีภาพเผยแพร่ทางโซเชียลว่านายองอาจอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ว่า ต้องให้ตำรวจตรวจสอบว่ารูปที่ปรากฎออกมาเป็นรูปเก่าหรือใหม่  สำหรับการดำเนินการก็ต้องทำไปตามรูปคดีทั้งหมด ถ้าอะไรผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินการ

 

วันที่ 10 ม.ค.2560 นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม กล่าวภายหลังการประชุมครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่ากรณีของ โฆษกวัดพระธรรมกาย "องอาจ ธรรมนิทา" ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหายุยงปลุกปั่น หลบหนีอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ว่า ตนได้รับรายงานการปรากฏของนายองอาจจากภาพดังกล่าวโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว  ขณะนี้เจ้าหน้าที่เทคนิคกำลังตรวจสอบภาพดังกล่าว และยังมีการประสานไปยังต่างประเทศว่านายองอาจ มีการเดินทางและไปอยู่ที่ต่างประเทศจริงหรือไม่  โดยมอบหมายหน้าที่ให้ตำรวจตรวจสอบ  และกำชับดีเอสไอให้ช่วยตำรวจอย่างเต็มที่
เมื่อกล่าวถึงการตรวจสอบในส่วนของพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่ายังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ดีเอสไอยังเชื่อว่าพระธัมมชโยยังอยู่โดยเรื่องนี้อัยการได้สั่งฟ้องพระธัมมชโยแล้ว และพยายามทำให้พระธัมมชโยมารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อนำตัวไปให้อัยการ ซึ่งตนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำอย่างสุดความสามารถ

ล่าสุด เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 16 ก.พ.2560 ได้เผยแพร่คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 5/2560 กำหนดพื้นที่วัดพระธรรมกาย ตลอดจนพื้นที่โดยรอบวัดในต.คลองสอง จ.ปทุมธานี เป็นพื้นที่ควบคุมแล้ว โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้ออกคำสั่งลงวันที่ 15 ก.พ. 2560 ซึ่งเมื่อเหตุการณ์และความจำเป็นสิ้นสุดลงหรือสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป อาจเสนอให้คสช.ยกเลิกหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ได้
โดยหลังการประกาศเวลา 02.00 น. กำลังตำรวจ ทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทยอยเข้ารวมพลภายในกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค1 ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมปฎิบัติการ โดยมีกำลังจากตำรวจภูธรภาค 1 และ ภาค 7 และกองบัญชาการตำรวจนครบาล รวม 5 ชุด ปฎิบัติการ 24 กองร้อย จำนวน 3,600 นาย

โดยที่ผ่านมาตั้งแต่เวลา 01.00 นาฬิกา เจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจสกัดจำนวน 7 จุดรอบวัด แต่ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปห้ามบุคคลเข้าออกประตู 5และ6 ทำให้ลูกศิษย์เข้าออกตามปกติ

ขณะที่ล่าสุด ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันนี้ (16 ก.พ.60) สถานการณ์บริเวณวัดพระธรรมกายเริ่มมีความเคลื่อนไหว โดยชุดควบคุมฝูงชน ตำรวจภูธรภาค 1 รวมพลเพื่อรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ขณะที่ศิษยานุศิษย์ทยอยมานั่งอยู่บริเวณประตู 5

เวลา 05.20 น. เจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกายนำสแลนสีเขียวมาขึงเพื่อบังแสงแดด ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และดีเอสไอ เตรียมเข้าดำเนินการค้นภายในวัด ส่วนศิษยานุศิษย์ได้มานั่งอยู่บริเวณที่ปิดสแลนเป็นจำนวนมาก บริเวณประตู 5

เวลา 05.30 น. ทหารตั้งจุดตรวจบริเวณก่อนถึงประตู 7 ซึ่งเป็นทางเข้าหลักของวัดพระธรรมกาย และไม่อนุญาตให้รถผ่าน พร้อมทั้งศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายที่เดินมาก็ห้ามผ่านด้วยเช่นกัน

เวลา 06.00 น. เจ้าหน้าระดมกำลังปิดพื้นที่บริเวณโดยรอบรั้วและกำแพงวัด รอคำสั่งเข้าบุกค้น
เวลา 06.20 น. มวลชนลูกศิษย์วัด เริ่มทยอยมานั่งและสมทบ บริเวณประตู 5 และ 6 โดยยืนเป็นแนวกำแพงด้านหลังประตูปิดตาย 
เวลา 06.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแถวเป็นกำแพงแนวยาว รอคำสั่งบุกค้นวัด ขณะที่มวลชนเริ่มทยอยเข้าสมทบต่อเนื่อง ด้านดีเอสไอ เผย พันตำรวจตรี สุริยา รองอธิบดีDSI เป็นหัวหน้าชุด ขณะนี้ ประตู5 ตำรวจเต็มพื้นที่ ประตูถูกปิดตายหมด
เวลา 06.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ดีเอสไอ ปิดล้องประตู 6 เตรียมนำป้ายราชการมาติด

โดยสถานการณ์ล่าสุด พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนโดย ระบุว่า นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เข้ามามอบตัวที่ สภ.คลองหลวง และกองปราบปราม เมื่อคืนนี้ โดยตำรวจให้ประกันตัวไปแล้ว ซึ่งมีเงื่อนไขการประกันตัว ห้ามออกนอกประเทศ และห้ามยุยงปลุกปั่น สาเหตุที่ตำรวจให้ประกันตัว เพราะนายองอาจเข้ามอบตัวด้วยตัวเอง

โดยนายองอาจ โดนออกหมายจับเมื่อวันที่ 15ธ.ค.59 ผิด ม.166 ฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง กรณีแถลงจุดยืนของคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย9ข้อวันที่ 13 ธ.ค.59

ทั้งนี้ทางด้าน พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ   แถลงข่าวถึงปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นและควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายว่า   ทั้งหมดเป็นตามขั้นตอนที่ศาลกำหนดวันเวลาให้ตรวจค้นไว้  ซึ่งบอกไม่ได้จะแล้วเสร็จสิ้นเมื่อ อย่างไรก็ตามคำสั่ง คสช. ได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติจนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ  และทุกอย่างยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำตามขั้นตอนและถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
    
ส่วนจะเข้าตรวจสอบพื้นที่ที่คาดว่าพระธัมมชโยจะอยู่หรือไม่  พ.ต.อ.ไพสิฐ  ระบุว่า  เจ้าหน้าที่ประสานงานว่าจะใช้มาตรการเบาไปหาหนัก  หากมีการต่อต้านเราจำเป็นต้องใช้กฎหมายเพิ่มเติมขึ้น โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับทุกกลุ่ม โดยกลุ่มอื่นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว เหลือแต่พระธัมมชโยเท่านั้น     
    
เมื่อถามถึงเหตุผลต้องใช้   ม. 44  พ.ต.อ.ไพสิฐให้ข้อมูลว่า   โดยข้อเท็จจริงเราใช้กฎหมายมาตลอด  แต่เนื่องจากการปฏิบัติตามกฎหมายปกติมีปัญหาถูกลูกศิษย์ต่อต้าน ดีเอสไอจึงต้องขอใช้กฎหมายพิเศษ  ซึ่งแนวทางปฏิบ้ติคือภายในบริเวณวัดยังคงให้ลูกศิษย์อยู่ได้ แต่หากขัดขวางการทำหน้าที่ตรวจค้นก็ต้องดำเนินการ  ส่วนที่ต้องใช้ ม.44 แทนที่จะจะเป็น พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพราะครอบคลุมขั้นตอนการปฏิบัติได้อย่างครบถ้วนมากกว่า 
  
 "กำลังเจ้าหน้าที่ที่นำไปทั้งหมด  เราไปเพื่อรักษาความปลอดภัย หากท่านยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมคนเดียว ทั้งลูกศิษย์ท่านและเจ้าหน้าที่ก็ต้องไม่ลำบากกันขนาดนี้”

(คลิกอ่าน : มอบตัวแล้ว!!! ดีเอสไอ แถลง "องอาจ ธรรมนิทา" โฆษกวัดพระธรรมกาย เข้ามอบตัวเมื่อคืนที่ผ่านมา!!!)

 

 

 

 

ภัทราพร สำนักข่าวทีนิวส์