ถึงเวลายุติ...!!!กลุ่มต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ นัดดีเดย์ 17 ก.พ.นี้หน้าทำเนียบ ลั่น ไม่ชนะไม่เลิก (รายละเอียด+คลิป)

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : www.tnews.co.th

อีกหนึ่งสถานการณ์ที่เราจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดก็คือในประเด็นที่ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทรฺฃ์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาตินั้นได้มีการพูดคุยถึงโครงการโรงไฟฟ้าเทพา กับโรงไฟฟ้ากระบี่ แล้วมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาแล้วนำมารายงานภายใน 30 วัน

เมื่อวันที่ 24 มกราคม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กำชับว่าโครงการโรงไฟฟ้าเทพา กับโรงไฟฟ้ากระบี่ ต้องมีความชัดเจนภายใน 1 เดือนนี้ โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อพิจารณาเดินหน้าโครงการดังกล่าว ก่อนนำเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณา

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯ ได้กำชับว่า ปัจจุบันสถานการณ์และเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป ปัญหาข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่มีข้อกังวลกันในอดีตสามารถแก้ไขได้ รวมถึงการสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานในภาคใต้มีความจำเป็นในทุกๆ ด้าน เช่น พลังงานชีวมวล ลม แสงแดด น้ำมัน ก๊าซ หรือถ่านหิน ดังนั้นจะต้องมีการกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า หรือพีดีพี ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่าต้องมีการกระจายความเสี่ยงในการใช้พลังงาน ไม่ควรพึ่งพาพลังงานก๊าซในสัดส่วนที่มากเกินไป

 

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน หรือกลุ่มสิทธิมนุษยชน มีความกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นนั้น รัฐบาลได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริง เช่นว่าประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ ต้องการเห็นการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจทั้งการใช้พลังงานภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมในด้านภาคการผลิตและการบริการที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงไม่สามารถที่จะจำกัดการใช้พลังงานได้ จำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเพื่อรักษาเสถียรภาพและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ดังนั้นโครงการนี้จะต้องมีการเดินหน้า

 

(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : สัญญาณเผชิญหน้า!!?? กลุ่มต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นไงเป็นกัน หากรัฐส่งเดินหน้า...ถึงเวลาต้องชัดภายใน 1 เดือน!!!(รายละเอียด) )

แต่ทว่าล่าสุดนั้นก็มีกลุ่มคนที่ออกมาคัดค้านอย่างกลุ่มเครือข่ายต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน ออกแถลงการณ์ให้ทางรัฐบาลยุติโครงการก่อสร้างที่เทพา และกระบี่ หวั่นกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ(PERMATAMAS) และเครือข่ายภาคประชาชนชายแดนใต้ ออกแถลงการณ์คัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยระบุว่า "การพัฒนาต้องตอบโจทย์สันติภาพและสิ่งแวดล้อม เราขอร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ"

แถลงการณ์ยัง ระบุว่าด้วยวิกฤตสำคัญจากการที่รัฐบาลที่มีนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ในมิติด้านการพัฒนาที่กระทบกับสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตอย่างน้อย 2 นโยบายสำคัญคือ

1. การผลักดันโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ซึ่งมีความฉ้อฉลในการผลักดันอย่างมาก มลพิษและผลกระทบของโรงไฟฟ้าถ่านหินจะไปไกลนับ 100 กิโลเมตรถึงปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลาและสตูล แต่การศึกษาผลกระทบและการมีส่วนร่วมกลับจำกัดเพียงรัศมี 5 กิโลเมตรเท่านั้น การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและจัดการตนเองอันเป็นข้อเรียกร้องหลักของภาคประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกละเลยอย่างรุนแรง

2. การประกาศนโยบายสนับสนุนกลุ่มทุนอุตสาหกรรมมลพิษให้มาตั้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อหวังจะใช้อุตสาหกรรมสร้างงานเพื่อดับไฟใต้ ซึ่งเป็นนโยบายที่ผิดพลาด

อุตสาหกรรมมลพิษและเหมืองแร่จะทำให้ภาคเกษตรล่มสลายและฐานทรัพยากรที่เป็นเลี้ยงปากท้องชาวบ้านจะเสื่อมโทรมลงอีก เป็นการพัฒนาแบบที่ทำลายวิถีชีวิต ทำลายวิธีศาสนา ที่ประชาชนในชายแดนภาคใต้ไม่ต้องการ

จากนโยบายทั้ง 2 ประการที่กระทบต่อวิถีของประชาชนชายแดนใต้ จึงนำมาสู่การจัดเวที“การพัฒนาต้องตอบโจทย์สันติภาพและสิ่งแวดล้อม เราขอร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ”ในวันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2560 นี้

ในที่พื้นที่ใจกลางที่ตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เพื่อประกาศเสียงประชาชนชายแดนใต้ที่ต้องการสันติภาพที่กินได้และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนผ่านเวทีวิชาการ และการร่วมกันละหมาดฮายัต เพื่อขอพรต่อองค์อัลลอฮ(ซ.บ.)ผู้ยิ่งใหญ่ ให้ชายแดนใต้อันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ ปลอดจากอุตสาหกรรมมลพิษและถ่านหิน

เครือข่ายหลายสิบองค์กรที่ร่วมจัดกิจกรรมการชุมนุมใหญ่ในวันนี้ ขอเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลดังนี้

1. ขอให้รัฐบาล ยุติการผลักดันโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพารวมทั้งโรงไฟฟ้ากระบี่และปะนาเระ อย่าเอาอำนาจทหารมาฟันธงเข้าข้างฝ่ายทุนความเสียหายจะเกินเยียวยา รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีเอาแต่พูดทุกวันศุกร์ แต่กลับไม่เคยฟังเสียงโดยตรงจากประชาชน

2. ขอให้รัฐบาล หยุดนโยบายการยัดเยียดอุตสาหกรรมมลพิษมาให้พี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งเหมืองแร่ โรงไฟฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้าขยะ นิคมอุตสาหกรรมมลพิษในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เขื่อน และการถมหินทำลายชายหาดเป็นต้น ซึ่งล้วนเอาเข้ามาโดยไม่เคยถามประชาชน

3. องค์กรภาคประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอกระบวนมีส่วนร่วมในการร่วมคิดร่วมทำร่วมตัดสินอย่างจริงใจ ในทุกกรณีของการพัฒนาที่มีผลต่อวิถีชีวิตของประชาชนอย่าใช้การมีส่วนร่วมเป็นเพียงวาทกรรม โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพามีขนาดใหญ่มาก มลพิษและผลกระทบครอบคลุมกว้างขวาง แต่ทำไมคนปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวมทั้งสงขลาและสตูล กลับถูกละเลย ไม่มีส่วนร่วมใดๆตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

4. การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องตั้งมั่นในการเคารพต่อเสียงประชาชน มุ่งมั่นรักษาฐานชีวิตฐานทรัพยากรสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และเคารพต่อการะบวนการสันติภาพไม่ควรให้การพัฒนาที่ประชาชนไม่ต้องการมาเป็นเงื่อนไขและเป็นภัยแทรกซ้อนต่อสันติภาพที่กำลังเป็นความหวังของพื้นที่

ทางเครือข่ายภาคประชาชนชายแดนใต้ขอบอกรัฐบาลอย่าตรงไปตรงมาว่า “หากทางรัฐบาลไม่เคารพเสียงประชาชน ยืนยันจะผลักดันโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาและอุตสาหกรรมมลพิษให้ได้ ทางเครือข่ายภาคประชาชนชายแดนใต้ก็มีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับการเคลื่อนไหว เพื่อการยุติอุตสาหกรรมมลพิษที่จะคุกคามชีวิตและสิ่งแวดล้อมในชายแดนใต้ให้จงได้.

ขณะที่ทางด้านนายประสิทธิชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “ประสิทธิ์ชัย หนูนวล” แสดงความเห็นหลังมีการนัดเดินขบวนเคลื่อนไหวแสดงพลังคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ โดยนาบประสิทธิชัยระบุว่า วันนี้คนมารวมกันอย่างต่ำ 3,500 คน นำโดย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ ผู้ประกอบการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม สมาคมชาวประมงพื้นบ้าน ฯลฯ

ข้อความในเฟสบุ๊กยังระบุด้วยว่าในแถลงการณ์เริ่มต้นและลงท้ายมีมติว่า

1.วันที่ 17 พร้อมกันที่ทำเนียบรัฐบาล

2.ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางไปกรุงเทพได้ให้มารวมตัวกันที่ศาลากลาง

3.เราจะเดินหน้ายุติโรงไฟฟ้าถ่านหินจนสำเร็จไม่ว่าจะเผชิญความยากลำบากแค่ไหนก็ตาม

ขอพี่น้องทุกคนโปรดเตรียมพร้อมปฏิบัติภารกิจตามที่ได้ตกลงนัดหมายกันไว้ เรียนไปยังพี่น้อง กทม.และพี่น้องทั่วประเทศ เครือข่ายปกป้องอันดามันยังยืนยันคำเดิม ยุติโรงไฟฟ้าถ่านหิน 17 กพ.ที่ทำเนียบรัฐบาล ด้วยความเคารพ เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน

 

และเพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินว่ามีผลกระทบต่อประชาชนเช่นไร ทางรายการเจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก ที่ออกอากาสเมื่อวันที่ 14 กุมพาพันธ์ 2560 ก็ได้มีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์พูดคุยกับประสิทธิชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) กรณีที่กลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ เตรียมเคลื่อนไหวเข้ากรุงเทพฯ ในวันที่ 17 ก.พ.นี้ ว่าตนขอร้องว่าอย่าเข้ามากรุงเทพฯ เดี๋ยวจะผิดกฎหมายและถูกดำเนินคดีอีก เพราะเป็นที่ทราบว่าเราห้ามการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ ฉะนั้นมีอะไรให้พูดคุยกันให้รู้เรื่องในพื้นที่ ที่ผ่านมาในพื้นที่มีความต้องการ  ตนได้สั่งการให้กระทรวงพลังงานประชุมในวันที่ 17 ก.พ. นี้ เพื่อตัดสินใจว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่ ถ้าหากไม่ทำแล้วจะทำอย่างไรต่อไป ประเทศไทยจะมีความมั่นคงทางพลังงานหรือไม่  และหากทำจะทำในลักษณะใด ยืนยันว่าวันที่ 17 ก.พ. นี้จะได้คำตอบ

 

" ขอร้องว่าอย่ามาเดินขบวนกันช่วงเวลานี้ เดี๋ยวจะมีปัญหาทางกฎหมาย ผมขอเตือนไว้ก่อน เพราะการเดินขบวนคุณขออนุญาตกันหรือยัง เพราะมีคำสั่ง คสช. และกฎหมายอยู่ นี่คือปัญหาประเทศไทยทั้งที่มีกฎมายก็ยังจะทำ แล้วมาอ้างประชาธิปไตย ที่ผ่านมาคนอื่นเขาเดือดร้อนหรือไม่ ถ้ามันสร้างไม่ได้ แล้วภาคใต้มีพลังงานไฟฟ้าไม่พอใช้จะทำอย่างไร" นายกรัฐมนตรีกล่าว

         

นายกฯ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่เดิมทำตามแผนทีพีพีเดิมที่ตั้งไว้อยู่แล้ว  รัฐบาลนี้แค่มาปรับแผนให้ดีขึ้นในเรื่องของการใช้พลังงานทดแทน จากสัดส่วน 70 ต่อ 30 เป็น 60 ต่อ 40  แต่ 60 เดิมที่ใช้พลังงานจากฟอสซิล เราต้องคิดว่ามันควรจะมีในระดับไหน ไม่ใช่ลดลงทันทีแล้วไปสร้างพลังงานทดแทน ต้องคำนึงว่าทดแทนกันได้มากน้อยแค่ไหน เราต้องช่วยกันแก้ปัญหาต่อไป

 

(อ่านข่าวเพิ่มเติม >>> "บิ๊กตู่" วอนกลุ่มต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน อย่าบุกกรุงเทพฯ ชี้ผิดกม. ลั่น 17 ก.พ.นี้รู้ผลสร้าง-ไม่สร้าง )

ที่มา : ประสิทธิ์ชัย หนูนวล 

เรียบเรียงโดย : วัสดา สำนักข่าวทีนิวส์