นับถอยหลัง...คดี "ข้าวปู" บั้นปลายจะลั๊ลลา...หรือรับมงกุฏเทพีแดนตาราง??!!

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th


นับว่าเริ่มนับหนึ่งอย่างเป็นทางการแล้ว...สำหรับคดีอื้อฉาวโกงชาติระดับมหากาพย์ อย่าง "โครงการรับจำนำข้าว" สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่วันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นับสืบพยายฝ่ายโจทย์ซึ่งก็คืออัยการสูงสุดเป็นนัดแรก และจะทำการไต่สวนเรื่อยไปอีก 4 นัด จนถึงปลายเดือนมีนาคม จากนั้นก็ถึงคิวของพยานฝ่ายจำเลยบ้างรวม 42 ปาก ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมี "อาปู" หัวหอกความอื้อฉาวในครั้งนี้รวมอยู่ด้วย โดยจะเริ่มเดินเครื่องไต่สวนต่อจากพยานฝ่ายโจทย์ในทันที นั่นคือต้นเดือนเมษายน และเราคงได้เห็นลิ่วล้อ "อาปู" ยืนอยู่ในคอกพยานแบบมิอาจหลีกเลี่ยง และจะทำการไต่สวนไปอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับพยานฝ่ายโจทย์ ซึ่งเรื่องนี้ผู้รู้ไขข้องข้องใจเรื่องเงื่อนเวลาเอาไว้แล้วว่า ...ไม่นานเกินรอ...อย่างช้าอาจแค่ต้นปี 60 อาจเห็นหน้าเห็นหลัง รู้ชะตากรรมดาวจรัสแสงแห่ง "ระบอบแม้ว" ว่าจะยังคงได้ลั๊ลลา...หรือสุดท้ายเธออาจได้เป็น "เทพีแห่งแดนตาราง"...??!!

 

 

ว่ากันตามปรากฏการณ์ที่ผ่านมา สังคมประจักษ์แจ้งแก่ใจแล้วว่า "ยิ่งลักษณ์" นั้นปูทางที่จะเดินขึ้นศาลคดีนี้มาพักใหญ่แล้ว ดังเราจะได้เห็นว่า สาม-สี่-ห้า เดือนก่อนหน้านี้ เธอตระเวนเดินสาย ทำบุญ-ปลูกผัก-เก็บเห็ด ออกสื่อ เพื่อให้ตัวเองเป็นข่าวแทบไม่เว้นวัน ...เรื่องนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าแค่หวังให้ตัวเองอยู่ในกระแส ไม่ถูกมวลชนลืมเลือน ตามยุทธศาสตร์ถนัดของพรรคเพื่อไทย และแน่นอนว่าเมื่อวันที่ต้องขึ้นศาลเคลื่อนมาถึงจริง ๆ เธอและกุนซือของเธอ...ย่อมหมายใจว่า มวลชนเหล่านี้จะยังคงภักดีล้อมหน้าล้อมหลังเธออย่างแน่นหนา...เพื่อส่งสัญญาณบางอย่างให้บางฝ่ายรู้

 

 

มีผู้ตั้งคำถามมากมายว่า "ชาวนา" ที่มาเชลียร์และมอบรวงข้าวให้แก่เธอที่หน้าศาลวันนั้น เป็นชาวนาจริง  ๆ ล่ะหรือ??? เพราะโดยเนื้อแท้โครงการรับจำนำข้าวอันฉ้อฉล และชักพาให้เธอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลในบั้นปลายนั้น ทำร้ายชีวิตชาวนารายย่อยเสียจนย่อยยับ...ซึ่งแม้แต่กาลเวลาก็ไม่อาจเยียวยาได้ง่าย ๆ  ดังนั้น แม้จะมองด้วยหัวใจเป็นธรรม ก็ยากที่จะตีความเป็นอื่นว่า พวกหน้าศาลวันนั้นไม่ใช่คนของพรรคเพื่อไทย

 

 

พูดกันตามตรงความพยายามช่วย "ยิ่งลักษณ์" จากคดีนี้ เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มีการบิดเบือนสาระสำคัญของคดีสารพัดรูปแบบ ลิ่วล้อหลายคนพยายามกลบเกลื่อนความผิดของเธอ โดยผลักภาระให้ไปอยู่บนบ่าของข้าราชการผู้ปฏิบัติ...แล้วบอกว่าเธอไม่เกี่ยว..."ยิ่งลักษณ์"ไม่ได้ทุจริต ซึ่งนั่นกลับกลายเป็น "ความหวังดี...ประสงค์ร้าย" จากลูกน้อง เพราะยิ่งผูกมัด "ยิ่งลักษณ์" จนยากจะหลุดรอด...ด้วยเธอถูกฟ้องข้อหา...เพิกเฉยปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเกิดขึ้น...ไม่ใช่ฟ้องข้อหา "ยิ่งลักษณ์...กระทำทุจริต" 

 

 

ช่วงหลัง ๆ เราจึงเห็นเธอต้องออกโรงแสดงเอง... ทั้งปลูกผัก-เก็บเห็ด-สะเดาะเคราะห์-ตัดลูกนิมิตร-ฯลฯ จนใครหลายคนบอกอย่าไปคิดมาก...ไม่มีอะไรที่ "ยิ่งลักษณ์" กระทำแล้วไม่หวังผลทางการเมือง ที่เธอนวยนาดทำทุกอย่างนั้น ล้วนหวังผลทางการเมืองทั้งสิ้น และลึกที่สุดแล้วเธอหวังใช้สิ่งเหล่านี้กดดันผลทางคดีอันอื้อฉาวนี้ เรื่องนี้พิสูจน์ได้จากระหว่างที่เธอนวยนาดเก็บเห็ด-ปลูกผักนั้น ความพยายามบิดเบือนทำสังคมไขว้เขวว่า ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่มีชีวิตเรียบง่าย (ซึ่งปลูกผักกินเอง) อย่างเธอกำลังจะถูกรัฐบาลทหารรังแกจาก "ปมทุจริตจำนำข้าว" ก็ถูกจุดขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ...นอกจากนี้ ยังโหมประโคมว่า เธอโดนแม้กระทั่งถูกรัฐบาล คสช. ไล่บี้ใช้อำนาจทางปกครองหวังยึดทรัพย์...โดยสมุนของยิ่งลักษณ์ประชดประเทียดกรณีนี้ว่า เธอเปรียบดั่ง "กวางน้อยในวงล้อมพยัคฆ์"...!!!

 

 

คงไม่ต้องถกเถียงกันแล้วว่า "โครงการรับจำนำข้าว" นั้น ทำประเทศพินาศย่อยยับไปเท่าไหร่ มีตัวเลขที่แน่ชัดจากกระทรวงการคลังว่าโครงการของเธอล้างผลาญประเทศไปกว่า 5.3 แสนล้าน ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ตัว "ยิ่งลักษณ์" นั้น กรายใกล้คุกตารางเข้าไปทุกที อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนั่นไม่ได้หมายความว่า ฝ่ายที่อยู่คนละฝั่งกับยิ่งลักษณ์ รอคอยเวลาที่จะทุบทำลายเธอ...ตามที่เธอพยายามฟูมฟาย หรือกีดกันไม่ให้เธอช่วยชาวนาอย่างที่กล่าวอ้าง ตรงกันข้าม ผู้ใหญ่หลายท่านที่เป็นผู้รู้เรื่องข้าว ต่างออกมาแสดงความห่วงใยร้องเตือนว่า "การรับจำนำ" ที่ตั้งราคาสูงกว่าตลาดถึง 2 เท่าตัวนั่นไม่ใช่การจำนำ เพราะคงไม่มีชาวนาที่ไหนมาไถ่ถอนผลผลิตตราบเท่าที่ราคายังห่างกัน 100 % เช่นนี้

 

 

และหากจะช่วยเหลือชาวนาจริง ก็มีวิธีอีกมากมายที่ไม่ต้องทำลายกลไกตลาดระบบการค้าข้าวเช่นโครงการจำนำสิ้นคิดเช่นนี้ อย่าว่าแต่ข้อท้วงติงที่ห่วงว่า ช่องโหว่ระหว่างดำเนินโครงการที่มีอยู่อย่างยุบยับทุกขั้นตอนนั้น จะก่อให้เกิดการทุจริตขนานใหญ่ของประเทศ ก็ถูกพูดให้ "ยิ่งลักษณ์" ได้ยินอยู่เสมอ

 

 

แต่น่าเสียดาย "อาปู" และกุนซือ...ซึ่งอาจเป็นพี่ชายของเธอ กลับเมินเฉยไม่ดูดำดูดีคำห่วงใยนั้น แถมตอกกลับตามสไตล์ถนัดของพวกเขา และมองทุกอย่างว่าเป็นการโจมตีทางการเมือง...และนั่นเองเป็นเหตุให้ยิ่งลักษณ์ต้องพาตัวเองไปโผล่ที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในฐานะจำเลยอย่างที่เราเห็น เมื่อ 2-3 วันก่อน 

 


ว่าไปแล้ว "ยิ่งลักษณ์" นั้น นับเป็นบุคคลที่ได้รับความเมตตาจากศาลมากที่สุดคนหนึ่งของจำเลยในประเทศนี้ (เช่นกับที่พี่ชายของเธอก็ได้รับโอกาสในการต่อสู้ในชั้นศาลคดีที่ดินรัชดาฯ มากที่สุดคนหนึ่งมาแล้ว แต่เมื่อศาลพบว่าผิดจริง ตัดสินจำคุกกลับหนี และกล่าวหาศาลแบบไร้ยางอายว่า 2 มาตรฐาน) เพราะการที่เธอขอเพิ่มพยานฝ่ายตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า เด็ก ป.4 ยังมองออกว่าก็แค่ขอประวิงเวลาเตะถ่วงคดีให้มันยืดยาวออกไปเท่านั้น แต่ทั้งนี้ศาลท่านก็ไม่แล้งน้ำใจ เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้อ่อนไหวแค่ไหน และพร้อมจะถูก "ยิ่งลักษณ์" นำไปขยายเป็นประเด็นการเมืองได้ทุกเมื่อ...หากปฏิเสธเธอ

 

 

ดังนั้น เมื่อหมดช่องทางที่จะใช้โจมตีว่าศาล "ไม่ให้โอกาส" ยิ่งลักษณ์จึงเหลือหนทางไม่มาก นอกจากหวนกลับไปหามวลชนเสื้อแดงที่ยังศรัทธาเธอ เป็น "ผนังทองแดง-กำแพงเหล็ก" เมื่อยามที่คุก-ตารางไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวอีกต่อไป เพราะลำพังหากคิดจะสู้ในเชิงข้อเท็จจริงแบบคนขึ้นโรงขึ้นศาลทั่วไป เรื่องนี้ดูจะไม่ใช่แนวทางของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ต้น เพราะทีมกุนซือของเธอเองก็รู้ดีว่าหนทางนั้นตีบตันแค่ไหน

 

เนื่องเพราะหลักฐานมันมัดแน่นคาหนังคาเขาขนาดนั้น เหตุนี้เราจึงเห็นยุทธศาสตร์การต่อสู้แปลก ๆ ที่พรรคเพื่อแม้วโยนออกมา โดยไม่มีการหักล้างปมปล่อยให้เกิดการทุจริตเลยแม้แต่น้อย...พวกเขาเอาแต่ชักจูงสังคมให้เข้าใจผิดว่า...โครงการรับจำนำข้าวซึ่งช่วยชาวนาที่ทุกข์ทนมันผิดตรงไหน...การทำให้ชาวนาอยู่ดีกินดี...จีดีพีของประเทศสูงขึ้นไม่ดีหรือไร...ชาวนามีเงินจับจ่ายส่งเสียลูกเรียนผิดหรือ...ฯลฯ โดยโดยไม่มีสักประโยคที่พูดถึงการทุจริตแบบโคตรโกงที่ถูกตั้งข้อสังเกต และซุกซ่อนอยู่ระหว่างดำเนินโครงการ...ทั้งแอบอ้างสวมสิทธิใบประทวน...โรงสีกดราคาค่าความชื้น (ทำให้ไม่มีชาวนาคนไหนได้ 15,000 บาท/ตัน) เอาข้าวคุณภาพต่ำจากเพื่อนบ้านมาปลอมปนเข้าโครงการ ซ้ำยังลักลอบเวียนเทียนเอาข้าวชุดเดิมจำนำหลายรอบ แถมบางโรงสียังลักลอบขโมยข้าวโครงการไปขายเสียเอง (เราจึงได้เห็นนั่งร้านแทนกองข้าว) ...ซึ่งความชั่วช้าทั้งหมดนั่นมีผู้ร้องเตือนหลายครั้ง และเบียดบังเงินที่ชาวนาควรได้ไปกว่า 4 แสนล้าน  (ชาวนาที่เข้าโครงการทั้งหมดได้รับประโยชน์จากโครงการแค่ 1 แสนล้านบาท หรือ 1 ใน 5 ของเงินทั้งหมดเท่านั้น ขณะที่เม็ดเงินถูกทุจริตไปกว่า 4 แสนล้านบาท)

 


...และนั่นเองคือเหตุผลว่าทำไม "อาปู" ไม่อาจหลีกหนีจากข้อกล่าวหาไปได้ และพรรคเพื่อไทยต้องแห่แหนมวลชนห้อมล้อมเธอในวันขึ้นศาล...เพราะทุกฝ่ายเตือนแล้ว แต่เธอกลับดันทุรังจะดำเนินโครงการให้ได้ และเชื่อในอภินิหารย์ของพรรคเพื่อไทยว่า...จัดการได้ทุกอย่างแม้ความเน่าในของโครงการจะส่งกลิ่นโชยจนคนในสังคมโจษขานแล้วก็ตาม

 

 

...คราวนี้เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงฉากสุดท้าย...นั่นคือมาถึงตีนโรงตีนศาล...และยิ่งลักษณ์ก็ไม่อาจบิดพลิ้วได้อีกแล้ว หลายฝ่ายจึงมองว่า เธอจะอดทนต่อสภาวะบีบคั้นเช่นนี้ไปได้นานแค่ไหน...จะพยายามโบยบินออกนอกประเทศเหมือนอย่างที่พี่ชายเธอกระทำมาแล้วหรือไม่???...หรือหากหลีกลี้หนีหายไปไม่ได้จริง ๆ ในวันที่ศาลอ่านคำพิพากษา...สุดท้ายเธอจะยอมรับคำตัดสิน ซึ่งออกได้ทั้งหัวและก้อย ซึ่งอาจจะส่งผลให้เธอเป็นเทพีแห่งแดนตาราง หรือจะยังคงลั๊ลลาใช้ชีวิตอยู่ภายนอกเช่นคนปกติ...ได้หรือไม่??? เรื่องนี้ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง...และไม่นานเกินรอแน่... 

 

อารมณ์ เคนหล้า : สำนักข่าว Tnews

ภาพ : news.mthai.com