จับตา "ดร.สุรินทร์" อนาคตการเมือง ลงชิง "หัวหน้าพรรคประชาธิปปัตย์" (เจอดี)

ดร.สุรินทร์  พิศสุวรรณ  ประกาศเข้าชิงตำแหน่งผู้ว่ากทม. แสดงความมั่นใจจะสร้าง กทม.แข่งขันกับเมืองต่างๆทั่วโลก ให้ได้รับความเชื่อมั่นและการยอมรับจากนานา

      สำหรับสถานการณ์การทางการเมืองขณะนี้นับว่าน่าจับตามองไม่น้อย เนื่องจากมีการปรากฏชื่อ ของ ดร.สุรินทร์  พิศสุวรรณ  ประกาศเข้าชิงตำแหน่งผู้ว่ากทม. ซึ่งหากจะว่าไปแล้วจังหวะเวลานี้ก็ถือว่าไม่ใช่เวลาสำหรับการที่จะพูดเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าสักเท่าไหร่ 

       เนื่องจากเมื่อวันอังคารที่ 15 ก.ค. 57 คสช.ได้มีคำสั่งที่ฉบับที่ 85/2557และ86/2557 ซึ่งสาระสำคัญคือ จะชะลอการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ไว้ชั่วคราวไม่ว่าจะเป็นในองค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล-เทศบาลตลอดจนสภากรุงเทพมหานครทั้ง สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.)และสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร(ส.ข.)กรณีที่จะต้องเลือกตั้งตามวาระเพราะสมาชิกทำหน้าที่จนครบวาระ แล้วใช้ระบบ “สรรหา”คนไปทำหน้าที่แทนระยะหนึ่งจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

    กลับมากันที่ ดร.สุรินทร์ กันอีกครั้ง ที่ดูจะมั่นอกมั่นใจแน่วแน่ในการที่จะลงสมัครเลือกตั้งตำแหน่งผู้ว่ากทม.ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาที่จะมีการเลือกตั้งถึงขนาดประกาศ นโยบายที่จะใช้หาเสียง  พร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม.หากได้รับการทาบทามจากพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความมั่นใจจะสร้าง กทม.แข่งขันกับเมืองต่างๆทั่วโลก ให้ได้รับความเชื่อมั่นและการยอมรับจากนานาชาติ ทั้งนี้คาดว่า 
คสช. อาจให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในช่วงปลายปีหน้าก่อนหน้าการเลือกตั้งทั่วไป.

    ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่1 ม.ค. 59 ได้เคยมีข่าวว่า ดร.สุรินทร์ ประกาศไว้ หลังจากคสช.ปลดล็อคพรรคการเมือง ว่าตนมีความพร้อมที่จะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ โดยยังระบุอีกด้วยว่า ตนพร้อมแล้วอีกด้วยเป็นผู้ยืนยันแต่การออกมาประกาศตัวลงผู้ว่ากทม.ในครั้งนี้ จึงทำให้คนพรรคประชาธิปัตย์เกิดข้อสงสัยอันนำไปสู่การตั้งคำถามยืนยันถึงความพร้อม แต่ปรากฏว่าดร.สุรินทร์ก็ได้ออกมาปฏิเสธและเนื่องจากเป็นการพดคุยกันเองเป็นเล็กๆในกลุ่มผู้สืบข่าว อยู่ด้วย ซึ่งผู้สื่อบข่าว อาจจะออกตัวเชียร์แรงเกินไป

    คงต้องจับตาดูสถานการณ์นี้เอาไว้ว่าด้วยเหตุผลอะไรที่มำให้ดร.สุรินทร์ประกาศเช่นนั้น หรือดร.สุรินทร์นั้นกำลังคิดอะไรอยู่??
เกี่ยวพันธ์กับสถานการณ์ในพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมีการเลือกตั้งเมื่อครบวาระ คณะกรรมการบริหาร ชุดปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้หัวหน้าพรรคหมดวาระลงไปด้วย ในเดือนธันวาคม 2561เกี่ยวพันกันหรือไม่

     เเละถึงแม้ว่าขณะนี้เสียงสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัยต์ในพรรคจะมีความเห็นหนาแหน่นแล้วคุมเสียงมากกว่าคนอื่นๆ แต่ข่าวที่ปรากฏในทางลับ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ปราฏกว่ามี  ส.ส. กลุ่มหนึ่งในพรรคประชาธิปัตย์ได้ออกมา ทาบทาม พูดคุย กับบุคคลที่เคยมี บทบาทในพรรคประชาธิปัตย์ และมีความโดดเด่นต่อสังคมภาพนอก มีสามท่าด้วยกัน และหนึ่งในนั้นคือ ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และยังเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียนอีกด้วย

     เรื่องนี้จะเกียวพันกับการเปิดประเด็นของดร.สุรินทร์ ที่ประกาศลงสมัครตำแหน่งผู้ว่าราชการกทม.หรือไม่ ก็ต้องติดตามดูว่า  สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ส่วนหนึ่งจะเห็นว่าเป็นการเปิดเกมส์อันเกี่ยวเนื่องกับการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหมม่ ที่จะมาถึง 2561 หรือไม่ และหากถูกตีความไปเป็นเช่นนั้น แน่อนอนว่าบรรดาสาวกของนายอภิสิทธิ์ เคงต้องออกมาสะกัดกั้นในรูปแบบต่างๆอย่างแน่อนอน
  

     สำหรับประวัติ ดร.สุรินทร์ เข้าสู่แวดวงการเมืองในปี พ.ศ. 2529 โดยได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นครศรีธรรมราช สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งเข้ามาในสภาผู้แทนราษฎรติดต่อกัน 7 สมัย คือเมื่อปี พ.ศ. 2529, 2531, 2535/1, 2535/2, 2538, 2539, 2548

     และเคยเป็นเลขานุการของนายชวน หลีกภัย ขณะที่นายชวนดำรงตำแหน่ง ประธานสภาผู้แทนราษฎร (พ.ศ. 2529-2531)
 ต่อมาเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศระหว่างปี พ.ศ. 2535-2538 และเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศระหว่างปี พ.ศ. 2540-2544
 ต่อมาสุรินทร์ ก็ได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน โดยเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 หลังจากที่ได้มีการส่งชื่อไปยังรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2550 และได้รับการรับรองจากชาติสมาชิกอย่างเป็นทางการในที่ประชุมผู้นำอาเซียน ณ สิงคโปร์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2550

    ดร.สุรินทร์ เกิดวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ที่ จ.นครศรีธรรมราช มีบิดาเป็นครูสอนศาสนาอิสลาม ศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดบ้านตาล ศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช และ โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแคลร์มอนต์ สหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2515  ปริญญาโทสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พ.ศ. 2517 และปริญญาเอกด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พ.ศ. 2522   โดยเริ่มอาชีพนักวิชาการในตำแหน่งอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ระหว่าง พ.ศ. 2518-2529
ถือว่าโดยบารมีและชื่อชั้นแล้วก็สามารถขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคได้เหมือนกัน ต้องจับตาดูการออกมาประกาศลงสมัครผู้ว่ากทม.เปนการหยั่งกระแสดารเมือง มหรือมีประเด็นอะไรทางการเมืองใดซ่อนเร้นอยุ่และจะเกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้งหน้าพรรคคประชาธิปัตย์หรือไม่ 

    อย่างไรก็ตามเดือนที่จะถึงนี้ นอกเหนือจากนายอภิสิทธิ  ที่ประกาศตัวว่าจะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกครั้งหนึ่งแล้ว ยังจะมีใครเข้ามาประกอบด้วยหรือไม่นั้น ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจและชวนติดตาม ไม่น้อยเลยทีเดียว