- 25 ก.ค. 2560
ลืมผมกันไปหรือยัง?? "อนุสรณ์"สามีนอกสมรสยิ่งลักษณ์ ในอดีตเขาคือสุภาพบุรุษหมายเลข 1 ของไทย
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำหรับชะตากรรมของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย หลายฝ่ายให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องและเฝ้าลุ้นระทึกว่าในวันที่ 25 สิงหาคม 2560
ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกำหนดให้เป็นวันพิพากษาคดีจำนำข้าวโดยมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำเลย ว่าผลคำตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไร ขณะเดียวกันโครงการรับจำนำนั้นได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศเป็นมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านบาท รวมทั้งยังถูกบันทึกว่าเป็นโครงการที่มีการทุจริตกันมากที่สุดอีกโครงการหนึ่ง
และในยามที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ แน่นอนว่าบุคคลที่ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาตลอดคงหนีไม่พ้นสามีนอกสมรสของเธอ นั้นคือ"นายอนุสรณ์ อมรฉัตร"
นายอนุสรณ์ อมรฉัตร (ป๊อบ) เกิดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2506 เป็นบุตรของนายประเสริฐ กับนางสนธิวัลย์ อมรฉัตร จบการศึกษาระดับปริญญาโท จากประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีอาชีพนักธุรกิจ
นายอนุสรณ์ กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ได้คบหากันช่วงที่นายอนุสรณ์ทำงานบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ จนในที่สุดเขาจึงตัดสินขอนางสาวยิ่งลักษณ์แต่งงาน ด้วยชอบพอในอัธยาศัย
สำหรับพิธีวิวาห์ของทั้งสองจึงเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 แต่มิได้จดทะเบียนสมรสกัน โดยมีนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ และพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร (ยศในขณะนั้น)เป็นประธานในพิธีมงคลสมรส ซึ่งนายอนุสรณ์กับนางสางยิ่งลักษณ์ มีบุตรด้วยกัน 1 คนคือเด็กชายศุภเสกข์ อมรฉัตร ชื่อเล่นไปค์
โดยในโอกาสนี้ทางทีมข่าวเจอดี(สำนักข่าวทีนิวส์)จึงขออนุญาตนำทุกท่านไปทบทวนบทสัมภาษณ์พิเศษที่ทางทีมข่าวเฉพาะกิจหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ ได้เคยตีพิมพ์ในหนังสือ "ปรากฏการณ์ยิ่งลักษณ์"
และนอกจากนี้ยังพบว่าทางเวปไซต์ชื่อดังอย่าง Pantip ได้นำบทสัมภาษณ์เหล่านั้นมาเผยแพร่ต่อ ทำให้มีทั้งคนที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนนางสาวยิ่งลักษณ์ออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวางถึงบทสัมภาษณ์ดังกล่าว ซึ่งบทสัมภาษณ์ดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้
"ผมตัดสินใจขอแต่งงานกับคุณปู เพราะอยู่ด้วยแล้วมีความสุขเขาเป็นทั้งเพื่อน ที่ปรึกษา ช่วยเติมเต็มส่วนที่เราไม่มี คอยดูแลเอาใจใส่จนทำให้ชีวิตผมดีขึ้น
แม้จะแต่งงานกันแล้วเราก็ยังให้เวลาส่วนตัวซึ่งกันและกัน บางวันผมไปตีกอล์ฟ คุณปูไปร้านเสริมสวยบางครั้งผมไปสังสรรค์กับเพื่อน ส่วนเขาไปช็อปปิ้ง ทุกอย่างเลยลงตัว
ผมอยู่กับคุณปูมาเกือบ 20 ปีไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง ถ้างอนก็ไม่นาน เพราะเรามีกฎว่า ถ้าผมงอนห้ามออกจากบ้าน และภายในครึ่งชั่วโมงต้องง้อ เขา(หัวเราะ ) ส่วนคุณปูถ้างอนแล้วออกไปไหน เขาจะโทร.บอกว่าอยู่ไหน แล้วให้ผมตามไปง้อ เลยทำให้ผมคิดว่างั้นจะทะเลาะกันทำไม ดีกันไว้ดีกว่า" .."
"ก่อนมี "น้องไปค์" ผมกับคุณปูมีกิจกรรมที่ชอบทำของแต่ละคน แต่พอมีลูก ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เราสองคนหันมาทุ่มเทเวลาให้ลูกหมด
ถ้าไม่มีน้องไปค์ คุณปูอาจจะเห็นว่าผมเป็นลูกไปแล้วก็ได้ ..
เพราะก่อนมีลูกชาย เขาเคยมาลูบคอล้อเล่นแล้วเรียกว่า "ลูกป๊อปๆ" (หัวเราะ ) พอมีน้องไปค์แล้ว เราสองคนยิ่งผูกพันขึ้นเรื่อยๆ คุณปูเคยบอกว่าลูกชายกับพ่อเหมือนกันมากถึง 90%
เขาบอกว่าเมื่อก่อนเวลาผมไม่อยู่เขาจะเหงา แต่ตอนนี้ผมจะไปไหนก็ได้ เพราะเขามีน้องไปค์เป็นตัวแทนผม .."
"คุณปูเป็นคนที่กล้ายอมรับความจริงและกล้าเผชิญความจริง เขาสามารถนั่งดูทีวีที่มีคนมาด่าหรือใส่ร้ายเขาได้ ช่วงหนึ่งที่มีแต่คนออกมาด่า ผมบอกว่าทนดูได้ยังไง ผมเห็นแล้วยังต้องรีบปิดทีวีหนี ..
แต่เขาบอกว่าไม่ได้หรอก ต้องดูเพื่อเก็บข้อมูลจะได้ชี้แจงและตอบโต้ว่าอันไหนจริงหรือไม่จริง เรียกว่าเขาอดทนและทำใจรับกับสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาได้ดี
ทุกวันนี้คุณปูยังทำงานหนัก ยิ่งมาลงเล่นการเมืองก็ยิ่งทำ งานหนัก ทำให้เวลาเขาบ่น ผมจะยอมๆ เขา แต่ถึงจะงานหนักยังไง แค่ไปแหย่เขาหน่อย เขาก็หัวเราะแล้ว เขารู้จักแบ่งอารมณ์ ผมยังคุมอารมณ์ได้ไม่ดีเท่าเขาเลย ไม่ได้ชมกันเอง แต่ชมในฐานะนักธุรกิจและคิดว่านี่เป็นจุดแข็งของเขา"
"หลังจากนี้ครอบครัวผมคงเปลี่ยนไปเยอะ จากเดิมที่เราเป็นนักธุรกิจด้วยกันทั้งคู่ แต่พอมีคนหนึ่งเข้าไปสู่การเมือง ความเป็นส่วนตัวก็หายไปจึงต้องทำใจและทำตัวให้หนักแน่นเพราะต้องมีทั้งคนที่คิดดีและไม่ดีกับเรา แต่บางเรื่องเราก็ขำไม่ออก เพราะห่วงว่าถ้ามีคนเอาเรื่องไม่จริงและไม่ดีไปบอกลูกชายเราล่ะ จะทำอย่างไร
ผมนั่งพูดกับลูกทุกวันว่า ถ้าแม่ลงเล่นการเมืองก็ต้องมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ถ้ามีคนชม ลูกรับไว้.. แต่อย่าเหลิง แต่ถ้ามีคนว่าพ่อแม่ไม่ดี ลูกต้องหนักแน่น เราไม่เคยสอนให้เขารังแกใคร เอาเปรียบใคร
ดังนั้น ถ้าลูกรู้ว่าแม่เป็นคนดี เวลาใครมาพูดอะไร เขาก็ต้องหนักแน่น คิดว่าต่อไปผมคงต้องระวังตัวมากขึ้น และคงปรับตัวให้ได้กับการเมืองไทย แต่ผมยืนยันว่าจะเป็นตัวของตัวเอง ใช้ชีวิตเหมือนเดิม ทำในสิ่งที่อยากทำ แต่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเท่านั้นก็พอ.."
"อนุสรณ์ อมรฉัตร"
ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก : บทสัมภาษณ์ส่วนนึงโดย ทีมข่าวเฉพาะกิจหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ ตีพิมพ์ในหนังสือ "ปรากฏการณ์ยิ่งลักษณ์"
- See more at: http://vrzaa.net/node/637#sthash.kuRMJk1P.dpuf

