ฝากขังแล้ว!!!มือยิงรถร่วมกตัญญู หลังเข้ามอบตัวเมื่อวานที่ผ่านมา เจ้าตัวยังปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ตำรวจเผยมีหลักฐานเพียงพอเอาผิด

       วันนี้ 27ก.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ได้นำตัว นายพินิช เกิดวุฒิ หรือ “ต่อ” ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน  มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต   พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต  และโดยไม่มีเหตุอันควร  หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงรถอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู ช่วงเช้ามืดของวันอาทิตย์ ที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เหตุเกิดบริเวณซอยลาดพร้าว 101 กรุงเทพฯ มาขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค. 2560 ถึงวันที่ 2 ส.ค.2560 โดยไม่คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนเมื่อวานนี้ (26 ก.ค.)

                        

ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่23กค.ช่วงเวลา03.50น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งมีเหตุวัยรุ่นยิงรถตู้พยาบาลของมูลนิธิแห่งหนึ่งบริเวณจุดกลับรถปากซอยลาดพร้าว101 ซึ่งได้ยิงใส่รถเข้ากระจกด้านข้างฝั่งซ้ายและกระจกหลังจำนวน4-5นัด โชคดีที่ไม่มีใครถูกกระสุนที่คนร้ายยิงเข้ามา

                             

และหลังจากที่ศาลได้อนุมัติหมายจับ ทำให้นายพินิช เกิดวุฒิ หรือ ต่อ เข้ามามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนเมื่อวานที่ผ่านมา

ในวันเดียวกัน พลตำรวจโท ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาที่สถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว เพื่อสอบปากคำผู้ต้องหา

พลตำรวจโท ศานิตย์ เปิดเผยว่า ภายหลังสอบปากคำนายพินิช ผู้ต้องหา ได้ให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา และ ยืนยันว่าจะให้การในชั้นศาล แต่ทางตำรวจยืนยันว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการกับผู้ต้องหารายนี้ สำหรับภาพในกล้องวงจรปิดที่เห็นว่าผู้ต้องหามาด้วยกัน 2 คน อีก 1 คน ขณะนี้ตำรวจมีพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะออกหมายจับ

ส่วนมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ พลตำรวจโท ศานิตย์ ระบุว่า เบื้องต้นตั้งประเด็นหลักเป็นเรื่องงาน แต่คาดว่าจะมีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวด้วย ขอตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้งก่อน

                                         

ทางด้านนายอัครเดช ทวิสุวรรณ เจ้าของรถซึ่งเป็นอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ระบุว่า ขอบคุณตำรวจที่สามารถจับผู้ต้องหามาได้ แต่ยังไม่สบายใจเพราะเชื่อว่าผู้ก่อเหตุมีมากกว่า 2 คน ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องงาน เกี่ยวกับการวิ่งเหตุในพื้นที่ทับซ้อนกัน ยืนยันไม่มีเรื่องส่วนตัวแน่นอน