พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ซะดีกว่า!!! เปิดข้อต่อสู้บางส่วนของยิ่งลักษณ์ ที่ศาลชี้ว่า “ฟังไม่ขึ้น”

พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ซะดีกว่า!!! เปิดข้อต่อสู้บางส่วนของยิ่งลักษณ์ ที่ศาลชี้ว่า “ฟังไม่ขึ้น”

องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 9 คน ใช้เวลานาน 4 ชั่วโมงในการประชุมเพื่อจัดทำ "คำวินิจฉัยกลาง" และใช้เวลาอีก 4 ชั่วโมง ในการอ่านคำพิพากษาศาลคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและทำให้รัฐเสียหาย โดยในเอกสารมีความหนากว่า 90 หน้า

 

พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ซะดีกว่า!!! เปิดข้อต่อสู้บางส่วนของยิ่งลักษณ์ ที่ศาลชี้ว่า “ฟังไม่ขึ้น”

ข้อต่อสู้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ศาลระบุว่า "ฟังไม่ขึ้น" และเห็นว่าจำเลยผิดตามคำฟ้อง จนนำมาสู่คำพิพากษาจำคุก 5 ปี โดยมีมติเอกฉันท์ "ไม่รอลงอาญา"

จำเลยอ้างว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่มีอำนาจไต่สวนจำเลย ในฐานะนายกฯ ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารในการใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดิน

 

พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ซะดีกว่า!!! เปิดข้อต่อสู้บางส่วนของยิ่งลักษณ์ ที่ศาลชี้ว่า “ฟังไม่ขึ้น”

รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 บัญญัติให้องค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตยแบ่งเป็น 3 ฝ่าย คือ บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ เพื่อให้มีกลไกตรวจสอบถ่วงดุลกัน ซึ่งสามารถตรวจสอบการใช้อำนาจได้ทั้งทางการเมืองและโดยองค์กรตุลาการหรือศาล อีกทั้งรัฐธรรมนูญยังกำหนดให้รัฐมนตรีต้องดำเนินการตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา และต้องรับผิดชอบต่อรัฐสภา แสดงให้เห็นว่าการกระทำของฝ่ายบริหารสามารถตรวจสอบได้

แม้โครงการรับจำนำข้าวเป็นการดำเนินนโยบายตามที่รัฐบาลแถลงไว้ต่อรัฐสภา แต่หากปรากฏว่าขั้นตอนการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของกฎหมาย ย่อมถูกตรวจสอบได้ อีกทั้งกรณีนี้เป็นการกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ มิใช่เป็นการตำหนิข้อบกพร่องหรือการดำเนินนโยบายผิดพลาดที่ต้องรับผิดชอบต่อสภา หรือวุฒิสภา จึงอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.

ขอขอบคุณข้อมูล BBC THAI

 

พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ซะดีกว่า!!! เปิดข้อต่อสู้บางส่วนของยิ่งลักษณ์ ที่ศาลชี้ว่า “ฟังไม่ขึ้น”