วันนี้!!จับตาประชุม"มหาเถรฯ" อุ้ม4พระเอี่ยวกินเงินทอน?? เลขาเจ้าคณะหนกลาง 1 ใน 4 สมเด็จพระราชาคณะ “มหานิกาย” หลังเพิกเฉย ไร้วี่แวว ลงโทษ!!

ภายหลังจากมีข่าวคราวการคืบหน้าของการตรวจสอบการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด หรือที่เรียกจนติดปาก เงินทอนวัด ซึ่วมีความคืบหน้าอย่างเป็นลำดับ ประจวบเหมาะกันจังหวะการกลับมาสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)   ของพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ หลังจากเจอกระแสคัดค้านจากพระเถระชั้นผู้ใหญ่และฆราวาสบางกลุ่มอย่างหนักหน่วง 

โดยความคืบหน้าคดีทุจริตเงินทอนวัดที่ทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้หอบสำนวนคดีดังกล่าวที่มี จำนวนสูงถึง 23 วัด ตั้งแต่ปี 2555-2560 มูลค่าความเสียหายประมาณ 140 ล้านบาท แยกเป็น 21 สำนวน 33 แฟ้ม รวมเอกสารกว่า 13,000 แผ่น ผู้ถูกกล่าวหารวม 19 ราย และได้ดำเนินคดีกับพระสงฆ์ถึง 4รูปด้วยกัน

พระราชรัตนมุนี (บุญเทียม มุสุ หรือบุญเทียม ญานินโท)  ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพิชยญาติการามฯ ซึ่งถึงสังคมจ้องจับตามองอย่างเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นเลขาฯสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะหนกลาง เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี 1 ใน 4 สมเด็จพระราชาคณะ “ฝ่ายมหานิกาย” ซึ่งเป็นสมณศักดิ์รองจากสมเด็จพระสังฆราช สูงกว่าพระราชาคณะเจ้าคณะรอง และต้องมีคำนำหน้าราชทินนามว่า “สมเด็จ”

วันนี้!!จับตาประชุม"มหาเถรฯ" อุ้ม4พระเอี่ยวกินเงินทอน?? เลขาเจ้าคณะหนกลาง 1 ใน 4 สมเด็จพระราชาคณะ “มหานิกาย” หลังเพิกเฉย ไร้วี่แวว ลงโทษ!!


พระเทพเสนาบดี (พระราชพุทธิวราภรณ์) เจ้าอาวาสวัดกวิศรารามฯ และเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี
พระครูวิสุทธิวัฒนกิจ (อุดม สุระกาพย์) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดราชสิทธารามฯ
และพระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าอาวาสวัดลาดแค อำเภอชนแดน และเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์

ในข้อหา มาตรา 147 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจหน้าที่เบียดบังทรัพย์เป็นของตนเอง, มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมาตรา 68 ฐานให้ความสะดวกหรือสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด และในส่วนของพระเทพเสนาบดี จะมีข้อหาตามมาตรา 162 ฐานปลอมแปลงเอกสารทางราชการพ่วงมาอีก 1 ข้อหา

แต่ก็ยังไม่มีวี่แววมาตราการใดๆออกมาจากทางฝากฝั่งของมหาเถรสมาคม อีกทั้งก่อนหน้านี้ทางปปป. ได้ส่งหนังสือไปยังมหาเถรสมาคม (มส.) และสำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของพระทั้ง 4 รูป แล้วด้วย  โดยพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องใน 3 ลักษณะ คือ ทางวัดแบ่งเบิกงบประมาณ ทอนเงินให้กับข้าราชการและผู้ที่เกี่ยวข้อง ลักษณะที่ 2 คือ มีการโอนเงินเข้าบัญชีของพระสงฆ์ แทนที่จะโอนเข้าบัญชวัด ลักษณะที่ 3 คือ วัดของบประมาณสนับสนุนด้านการศึกษา ทั้งที่ไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม

โดยตามหลักของ "พระวินัยหรือพุทธบัญญัติ " ได้กำหนดบทลงโทษ ระดับโทษของอาบัติในพระวินัย มี 3 สถานคือ
              1) โทษสถานหนัก หรือ ครุโทษ แก้ไขไม่ได้ เรียก “อเตกิจฉา” ได้แก่ อาบัติปาราชิก ภิกษุต้องแล้ว (ล่วงละเมิดแล้ว) ขาดจากความเป็นภิกษุอย่างเดียว จะกลับมาบวชใหม่อีกไม่ได้
              2) โทษสถานกลาง หรือ มัชฌิมโทษ แก้ไขได้ เรียก “สเตกิจฉา” ได้แก่ อาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุต้องเข้าแล้วต้องอยู่กรรม คือจะต้องอยู่ปริวาสให้ครบตามจำนวนวันที่ปกปิดนับตั้งแต่วันต้องอาบัติ และประพฤติมานัตอีก 6 ราตรี จึงจะพ้นจากอาบัตินั้นได้
              3) โทษสถานเบา หรือ ลหุโทษ แก้ไขได้ เรียก “สเตกิจฉา” เหมือนข้อ 2 แต่เบากว่า เพราะเมื่อภิกษุต้องแล้ว เพียงแสดงอาบัติที่ต้องนั้นต่อหน้าภิกษุด้วยกัน ก็พ้นจากอาบัตินั้นได้ อาบัติเหล่านี้ ได้แก่ ถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ และทุพภาษิต

อีกทั้ง พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ยังได้ระบุว่า...
มาตรา 29 พระภิกษุรูปใดถูกจับโดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่เห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราวและ เจ้าอาวาสแห่งวัดที่พระภิกษุรูปนั้นสังกัดไม่รับมอบตัวไว้ควบคุม หรือพนักงาน สอบสวนไม่เห็นสมควรให้เจ้าอาวาสรับตัวไปควบคุม หรือพระภิกษุรูปนั้นมิได้ สังกัดในวัดใดวัดหนึ่ง ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจัดดำเนินการให้พระภิกษุ รูปนั้นสละสมณเพศเสียได้

แต่อย่างไรก็ตามได้ แหล่งข่าวของสำนักข่าวที่นิวส์ได้เปิดเผยว่า เมื่อเวลา18.00 - 19.40 น. เมื่อวันที่28ก.ย.60  ที่กุฏิของพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร  และกรรมการมหาเถรสมาคม ได้มีการประชุมลับ ประกอบด้วย อาทิเช่น พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.9 เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร และกรรมการมหาเถรสมาคม ,พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร)เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหารและดำรงตำแหน่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ,พระเทพเสนาบดี (พระราชพุทธิวราภรณ์) เจ้าอาวาสวัดกวิศรารามฯ และเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี

 1ใน4พระที่ถูก ปปป.ต้องข้อกล่าวหาในกรณีทุจริตเงินทอนวัด  มีการปรึกษาหารือลับ แต่อย่างไรก้ตามในวันนี้ (29 ก.ย.) จะมีการประชุมมหาเถรสมาคม ก็ต้องจับตาวาระการประชุมจะเมื่อเรื่อง เงินทอนวัด หรือ บทลงโทษเกี่ยวกับพระสงฆ์ผู้ต้องคดีหรือไม่ อีกทั้งเรื่องสำคัญอย่างการกลับมาดำรงตำแหน่งผอ.พศ. ของพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ทางมหาเถรสมาคมจะว่าอย่างไร

ซึ่งก็ต้องจำตาดูกันต่อไปว่ามหาเถรสมาคมจะดำเนินการจัดการกับพระสงฆ์ต้องมลทิน นอกเสียจากการนิ่งเฉย อุ้มพระกลุ่มนี้ต่อไปหรือไม่