- 11 พ.ค. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
ยังคงเป็นปัญหาที่สร้างความรู้สึกไม่ดีต่อภาพลักษณ์การให้บริการภายในสนามบินนานาชาติของไทนอย่างต่อเนื่อง กับข้อร้องเรียนเรื่องระดับราคาอาหารที่มีการตรวจพบว่าอยู่ในเกณฑ์สูงกว่าที่ควรจะเป็น
ล่าสุด พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นางสาวประณุดา ธีระวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์และการเงิน ท่าอากาศยานดอนเมือง นายวิสิฎฐ์ บาลี รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง (สายสนับสนุนธุรกิจ) นายสุชาติ สินรัตน์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน และนางสาวทรงศิริ จุมพล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมและลงพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาราคาอาหารและเครื่องดื่มภายในบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิที่มีราคาสูงกว่าปกติ ภายในอาคารผู้โดยสารขาออก ภายในประเทศ สนามบินสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้พล.อ.วิทวัส เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ว่า จากการตรวจสอบคิดว่าการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีการเอาใจใส่ในเรื่องของราคาอาหารและเครื่องดื่มเป็นอย่างดี เพราะเท่าที่เดินตรวจดูพบว่าส่วนใหญ่ราคาน้ำดื่มอยู่ที่ 7-10 บาท และสินค้าก็มีวางจำหน่ายจำนวนมาก ไม่เหมือนที่สนามบินดอนเมือง ที่ติดป้ายราคาขายน้ำดื่มที่ 10 บาท แต่ไม่มีสินค้าวางขาย มีแต่น้ำดื่มที่เป็นน้ำแร่เท่านั้น ขณะที่การหารือกับทุกฝ่ายได้กำหนดมาตรการไว้ 2 ระยะ คือ ในระยะแรก ได้มอบหมายให้ทางการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปควบคุมให้ผู้ประกอบการกำหนดราคาอาหารตามที่ได้ทำสัญญาไว้ไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ และไปปรับปรุงรายละเอียดของสัญญาในเรื่องกฎระเบียบที่ระบุว่าหากมีการขายเกินราคาจะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้รัดกุมยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่าก่อนหน้าที่ พล.อ.วิทวัส และคณะจะเดินทางมาถึงฟู้ดคอร์ต ภายในอาคารผู้โดยสารขาออก ภายในประเทศไม่ถึง 5 นาที ร้านค้าอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดังรายหนึ่งมีการปลดป้ายและเปลี่ยนป้ายราคาสินค้าทันที ต่อหน้าผู้สื่อข่าวที่รอทำข่าวอยู่ ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ทางเจ้าหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน ระบุว่า เป็นการตอบสนองนโยบายผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะป้ายราคาพึ่งจะทำเสร็จได้ไม่นานนักก่อนที่คณะผู้ตรวจการฯจะลงพื้นที่ตรวจสอบ
ขณะเดียวกันจากการสอบถามพนักงานขายภายในร้านอาหารในฟู้ดคอร์ต เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการขอความร่วมมือให้ปรับลดราคาอาหารและน้ำดื่มลงในวันนี้ และจากการลงพื้นที่สำรวจราคาอาหารทั่วไปพบราคาอาหารส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในเกณฑ์สูง อาทิ
1. อาหารตามสั่งและก๋วยเตี๋ยว อาทิ เมนูข้าวผัดเจ ราคาจานละ 200 บาท
2. ผัดไทกุ้งสดจานละ 280 บาท
3. ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นชามละ 250 บาท
4. อาหารฟาสต์ฟู้ด เบอร์เกอร์ต่อชิ้นอยู่ที่ 300-500 บาท
5. ราคาน้ำดื่มน้ำแร่ราคาขวดละ 45 บาท น้ำอัดลมกระป๋องเล็ก 100 บาท เป็นต้น
คณะทำงานที่ร่วมตรวจสอบราคาสินค้าที่ภายในท่าอากาศยานนานาชาติ เป็นการทำงานต่อเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจสอบท่าอากาศยานดอนเมืองเมื่อกลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยการตรวจตรวจสอบในครั้งนั้น พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และกรมการค้าภายใน พบว่า ในภาพรวมผู้ประกอบการหลายร้านหลีกเลี่ยงไม่จำหน่ายน้ำดื่มซึ่งเป็นสินค้าควบคุม แต่เลี่ยงไปจำหน่ายน้ำแร่ในราคาขวดละ 20-40 บาทแทน
เช่นเดียวกับเครื่องดื่มชูกำลัง และน้ำเกลือแร่ ซึ่งพบว่ามีราคาสูงกว่าราคาภายนอกเป็นเท่าตัว ยกเว้นสินค้าภายในร้านค้าโครงการหลวง ซึ่งได้รับการยกเว้นค่าเช่าจึงมีอัตราขายในราคาปกติ อาทิเช่น น้ำดื่ม ราคา 10 บาท สลักผัก 45 บาท แต่ก็ส่งผลทำให้น้ำดื่มภายในร้านโครงการหลวงไม่พอขาย เพราะมีผู้โดยสารจำนวนมาเลือกซื้อน้ำดื่มจนหมดสต๊อก
และจากการตรวจสอบราคาอาหารในฟู๊ดคอร์ท ตามที่ท่าอากาศยานฯ ระบุว่า ในสัญญาประมูลควบคุมราคาขายไม่ให้สูงเกิน 20 % ของราคาห้างสรรพสินค้าชั้นนำ กลับปรากฏว่ามีร้านค้าที่ขายอาหารในราคาที่แพงกว่าข้อกำหนด เช่น
ข้าวราดแกง เริ่มต้นที่ 80-120 บาท
ข้าวมันไก่ 90 บาท
แซนวิช 180 บาท
ชุดมาม่าผัดทะเลพร้อมเครื่องดื่ม 165 บาท
สเต็ก 195 บาท
บะหมี่เป็ดย่าง80 บาท
ข้าวหน้าไก่ 80 บาท
โดยผู้ประกอบการอ้างเหตุผลที่ต้องขายอาหารในราคาแพง เพราะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าจ้างพนักงานที่ต้องสามารถพูดภาษาอังกฤษหรือจีนได้ พร้อมยืนยันว่าร้านค้าภายในท่าอากาศยานดอนเมืองไม่แพงเหมือนกันหมด และหลายร้านก็มีราคาสูงกว่าภายนอก 5-10 % เท่านั้น จึงอยู่ที่ว่าผู้โดยสารจะเลือกบริโภคอาหารจากร้านใดมากกว่า