"สนธิญาณ" ชี้!! ท่าที "ภูมิธรรม" สะท้อนชัดเมินปรองดอง "ยุคบิ๊กตู่-คสช." เพราะอ้างแบบมีนัยยะแฝงว่า"การเลือกตั้ง" เท่านั้นนำไปสู่การปรองดองได้

ติดตามรายละเอียดได้ทาง www.tnews.co.th

รายการ "ยุคลถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณยุคล วิเศษสังข์ (หนึ่ง) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ทีนิวส์ทีวี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

สนธิญาณ : คุณภูมิธรรม เวชยชัย ตำแหน่งในขณะนี้คือรักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย แม้จะโดยตำแหน่งเป็นแค่รักษาการเลขาธิการพรรค แต่ถ้าเอาบทบาทสำคัญจริงๆแล้ว ก็จะรู้ได้ว่า เป็นคนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เป็นคนที่อยู่ติดตัวทักษิณ ชินวัตรตลอดมา เป็นคนที่ทักษิณ ชินวัตรให้ความเชื่อมั่นในแง่ของการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเป็นระบบ ต้องเรียกว่าอยู่ในระดับเสนาธิการ เป็นผู้ที่มีความสนิทสนมกับ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาทักษิณ ชินวัตรในนามอย่างยิ่งคนนึงเหมือนกัน ดังนั้นถ้าออกมาขยับตัวอะไรเนี่ย เป็นเรื่องที่ต้องรับฟัง เพราะถือเสมือนหนึ่งได้ว่าความคิดนั้นได้ผ่านความคิดเห็นของผู้ที่อยู่เหนือกว่ามาแล้ว ไม่ว่าคุณทักษิณ ชินวัตรหรือคุณหญิงพจมาน เป็นเรื่องของการปรองดองที่กำลังดำเนินการพูดคุยกันอยู่นะครับ คุณยุคลครับ เมื่อวานคุณภูมิธรรม ออกมาแสดงความเห็น ซึ่งในทิศทางและแนวทางความเห็น สรุปได้เลยว่า ไม่ยอมรับการปรองดองตามแนวทาง คสช.และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมย้ำแบบนั้น ไม่ใช่หมายความว่าผมไปว่าคุณภูมิธรรมไม่ยอมรับแนวทางการปรองดองนะ ไม่ยอมรับแนวทางการปรองดองตามแนวทางของ คสช. และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะแนวคิดในการปรองดองของคุณภูมิธรรมมีอีกทาง อีกทางหนึ่งคืออะไร คุณภูมิธรรมบอกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เป็นเรื่องให้มาปรองดองกัน ระหว่างประชาชนกับประชาชน คุณภูมิธรรมบอกว่า คสช. เหมือนกับตีโจทย์ผิด จริงๆประชาชนไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย แต่ประชาชนมันไม่ได้ประชาชนเฉยๆ คุณภูมิธรรมได้ใช้คำว่าประชาชนและฝ่ายประชาธิปไตย นั่นหมายความว่าฝ่ายประชาธิปไตยก็ไม่ได้มีปัญหา ปัญหาสองประการที่คุณภูมิธรรมบอกว่ามันเป็นอุปสรรคในการที่จะทำการปรองดองคือเรื่องแรก ก็คือการเป็นประชาธิปไตยของประเทศ ประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมันก็ไม่รู้จะทำพาไปสู่ความปรองดองได้อย่างไร ดังนั้นหากจะทำให้เกิดการปรองดองก็ต้องพาประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงโดยพลัน ใช้คำว่าโดยพลันด้วยนะ นั่นหมายความว่า ให้รีบทำเร็วๆ เพราะความเป็นประชาธิปไตยคือหลักประกันสำคัญที่จะสร้างการยอมรับให้สังคมมีความแตกต่าง สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขและสันติ ความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงคือหลักประกันที่จะเคารพและยอมรับในสิทธิ เสรีภาพของปัจเจกชนและกลุ่มชน คือพื้นฐานสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น และเป็นวิถีทางสำคัญที่อำนวยให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและดูแลชีวิตประชาชนให้เป็นอยู่ให้ดีขึ้น คุณภูมิธรรมว่าไว้อย่างนี้ คือถ้าเป็นประชาธิปไตยแล้วอะไรจะดีหมด ประการที่สองก็บอกว่าสังคมที่จะสงบสุขและปรองดองต้องยึดหลักนิติธรรม เป็นเสาค้ำการอยู่ร่วมกัน คุณยุคล สองมาตรฐานไม่ได้ ถ้าสองมาตรฐานก็มันจะทำให้เกิดอภิสิทธิ์ชน ไม่มีความเท่าเทียม ไม่มีความยุติธรรม ตราบใดที่คนในสังคมอยู่ร่วมกัน ไม่รู้สึกหรือไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมในหลักประกันดังกล่าวย่อมยากที่จะทำให้เกิดความสามัคคีปรองดอง ถ้าสองประเด็นนี้เกิดขึ้นไม่ได้ ความปรองดองก็เกิดขึ้นไม่ได้ คุณภูมิธรรมว่า แสดงว่าหลักใหญ่ใจความยังอยู่เรื่องความเป็นประชาธิปไตยตามความหมายที่พรรคเพื่อไทยหรือระบอบทักษิณพูดมาโดยตลอด อย่างที่สองก็คือยังยืนยันว่าประเทศนี้มีสองมาตรฐาน แน่นอนครับ หลักออกมามุ่งหมายไปที่กระบวนการของรากฐานซะด้วยซ้ำ เพราะความหมายว่าสองมาตรฐานในกระบวนการยุติธรรมเนี่ย มันแปลความได้เป็นแบบนี้ และก็นี่คือหลักที่ไม่ได้หันกลับมามองนะครับ ในความเป็นจริง ความเป็นจริงที่ว่าว่า ถ้าประชาธิปไตยในความหมายที่คุณภูมิธรรมว่านะครับ และบวกพ่วงประชาชนเกาะเข้าไปด้วย ประชาชนจำนวนหนึ่งซึ่งก็คิดว่ามากพอสมควร ดูจากการผ่านร่างรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ได้คิดแบบคุณภูมิธรรมนะ ไม่ได้คิดว่าการเลือกตั้งเท่านั้นเป็นทางออกของประเทศ หรือการเลือกตั้งเท่านั้นถึงบ่งบอกถึงความเป็นประชาธิปไตย และก็คุณภูมิธรรมก็น่าที่จะแปลความผิด ว่าประชาธิปไตยที่แท้จริง เอาให้แคบมาเลยประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา นักการเมืองอันเป็นองค์กรที่จะนำพาไปสู่การได้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์มานั้น จะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นพรรคของประชาชน ประชาชนมีส่วนกำหนดแนวนโยบาย มันถึงจะทำให้เกิดประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานขึ้นมาได้ เพราะประชาธิปไตยต้องมาจากประชาชน เริ่มจากขั้นพื้นฐานที่พรรคการเมืองเป็นของประชาชน ประชาชนมีส่วนกำหนดแนวนโยบาย กำหนดทิศทางผ่านพรรคการเมือง แต่ที่ผ่านมาในระยะเวลา 15-16 ปีที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยของคุณภูมิธรรมที่ต่อเนื่องมาจากพรรคไทยรักไทย มันถูกบงการโดยคุณทักษิณและคนในตระกูลชินวัตรมาโดยตลอด มิฉะนั้นเราจะเห็นการเลือกนายกรัฐมนตรีที่มันมีที่ไหน หัวหน้าพรรคต้องรับฟังน้องเจ้าของพรรคซึ่งเป็นผู้บริหารธุรกิจ เพียงเพราะน้องเจ้าของพรรคนามสกุลชินวัตร จึงได้เป็นนายกของประเทศ แบบนี้มันเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร เพราะฉะนั้นความหมายของประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว มันเป็นคำตอบของประเทศจริงหรือ แต่เมื่อคุณภูมิธรรมและพรรคเพื่อไทยยึดมั่นแนวทางและหลักคิดแบบนี้ ผมก็เรียนได้ว่า คสช.คาดหวังในเรื่องของการปรองดองจากพรรคเพื่อไทยไม่ได้ ยิ่งลองตรวจกระบวนการและเรื่องราวของกระบวนการยุติธรรม ยิ่งหนักเลย ย้ำเลยนะครับ เพราะสิ่งที่พยายามเคลื่อนไหว ไม่ว่าในนามแนวร่วมหรืออะไรที่ให้สอดรับ ทำให้ดูเหมือนว่าศาลอยู่ภายใต้อำนาจของฝ่ายบริหารซึ่งมาจากการรัฐประหาร ท่าทีมันแสดงออกให้เห็นแบบนั้น แล้วก็การตอกย้ำเรื่องสองมาตรฐาน ความยุติธรรมมันเป็นการตอกย้ำถึงโครงสร้างทางสังคมในเรื่องชนชั้นที่ดำเนินการและก็เคลื่อนไหวอย่างนั้นมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นความหมายที่พูดในวันนี้คือความหมายเรื่องชนชั้นและชนชั้นก่อนหน้านี้ที่เราได้เห็นเรื่องกระบวนการคนเสื้อแดงหรือระบอบทักษิณที่พูดมาโดยตลอดก็คือการสร้างกระบวนการว่าจะต้องโค่นล้มชนชั้น พูดกันรุนแรงถึงขนาดนี้ ดำเนินการมาถึงขนาดนี้ และวันนี้ยึดมั่นในความคิดแบบนี้อยู่ เพราะฉะนั้นย้ำนะครับ คสช.ในความหมายของพรรคเพื่อไทยและระบอบทักษิณก็คือตัวแทนของชนชั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นคู่ความขัดแย้งกับพวกเค้านั่นเอง งานนี้ก็ต้องติดตามล่ะครับ แต่ก็ต้องเรียนว่าเหนื่อยกันต่อไปครับสำหรับเรื่องแนวการปรองดอง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : คลอดแล้ว "ป.ย.ป." ชุดปรองดอง!! ดึงเอนก-สุจิต-บุญสร้างร่วม -รมต., ผบ.เหล่าทัพนั่งกรรมการ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ภูมิธรรมบอกปรองดองได้ต้องคืนปชต.และกม.ไม่สองมาตรฐานเท่ากับปฏิเสธแนวทางคสช.