เอาเปรียบผู้บริโภค!!! แฉตั๋วเครื่องบิน "สมุย-กรุงเทพ" แพงกว่า "กรุงเทพ-สิงคโปร์" จี้การบินพลเรือนเร่งล้างบาง รับแทบไม่ได้ ฟันกำไรเกินควร !!!

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ change.org ได้เกิดการรณรงค์ เพื่อให้มีการทบทวนราคาตั๋วเครื่องบินระหว่าง เกาะสมุย-กรุงเทพ หลังมีราคาที่แพงเกินจริง  โดยผู้โพสต์ซึ่งมีชื่อว่า ธีระ จารุจิตติพันธ์ ในนามกลุ่มพลเมืองสมุย ได้ทำหนังสือร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ change.org ถึง สำนักงานการบินพลเรือน โดยใช้หัวข้อว่า "ราคาค่าโดยสารเครื่องบินระหว่างสมุย-กรุงเทพ แพงกว่ากรุงเทพ-สิงคโปร์"

โดยในหนังสือฉบับดังกล่าวเรียนถึง "ท่านผู้อำนวยการการบินพลเรือน" โดยมีหัวเรื่องว่า "ขอทราบหลักเกณฑ์ในการกำหนดราคาอัตราค่าโดยสารระหว่าง กรุงเทพ-เกาะสมุย" โดยมีเนื้อหารและายละเอียด ดังต่อไปนี้

เนื่องจากอัตราค่าเครื่องบินระหว่างกรุงเทพ- เกาะสมุย มีราคาสูงมาก ทำให้ประชาชนชาวสมุยเสียโอกาสและไม่สามารถเข้าถึงบริการดังกล่าว เช่น ในพื้นที่อื่นของประเทศไทย ในการนี้ ในฐานะพลเมืองมีความประสงค์ขอทราบหลักเกณฑ์ ในการกำหนดราคาของการบินพลเรือนว่ากำหนดอย่างไร และขอให้ทบทวนราคาค่าโดยสารกรุงเทพฯ - สมุยให้สะท้อนราคาต้นทุนที่แท้จริง เพื่อชาวสมุยจะได้มีโอกาสใช้บริการโดยสารทางอากาศเช่นพื้นที่อื่นๆ

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และขอโปรดแจ้งผลการพิจารณาให้กลุ่มพลเมืองสมุยทราบด้วย
ขอแสดงความนับถือ
ธีระ จารุจิตติพันธ์  
ในนาม
กลุ่มพลเมืองสมุย"

 

ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าว ได้ทำการตรวจสอบ ราคาค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน ระหว่าง เกาะสมุย-กรุงเทพว่า มีราคาที่แพงเกินกว่าค่าโดยสาร กรุงเทพ-สิงคโปร์หรือไม่ ก็พบว่า ราคาค่าโดยสารมีราคาที่ใกล้เคียงกัน

โดยผู้สื่อข่าวได้ทำการเช็คราคาตั๋วเกาะสมุย-กรุงเทพ ผ่านทางเว็บไซต์ของสายการบิน บางกอกแอร์เวยส์ พบว่า มีราคาอยู่ที่ 4,910 บาท ในขณะที่ราคาตั๋วเครื่องบินระหว่างกรุงเทพ-สิงคโปร์ ผ่านทางเว็บไซต์ของสายการบินนกสกู๊ตอยู่ที่ 4,925 บาท

 

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สายการบินที่ทำการบินระหว่าง เกาะสมุย-กรุงเทพ นอกเหนือ จากสายการบินของ บางกอกแอร์ เวย์สแล้ว ก็ยังมีสายการบินนกแอร์ ซึ่งมีราคาตั๋วโดยสารอยู่ระหว่าง 1,417.76-3,456.07 บาท ซึ่งก็ถือว่าเป็นราคาที่ถูกกว่าของสายการบิน บางกอก แอร์เวย์ส ประมาณหลักพันบาท

ด้านความคืบหน้า ในส่วนของ สินบนโรลส์-รอยซ์ บมจ.การบินไทย วันนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้มอบหมายให้นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.การบินไทย เร่งดำเนินการสอบสวนกรณีบริษัท โรลส์-รอยซ์ ติดสินบนในการซื้อขายเครื่องยนต์ให้กับการบินไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2534-2548 ให้ได้ข้อสรุปภายใน 30 วัน โดยจะต้องมีการตรวจเช็คข้อมูลกระบวนการจัดหาเครื่องยนต์ย้อนหลัง ในช่วงที่ถูกระบุว่ามีการทุจริตให้สินบนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลใดบ้าง
          อย่างไรก็ดี ขณะนี้ต้องรอให้การบินไทยรายงานเข้ามาก่อน หากพบว่ามีการเชื่อมโยงกับบุคคลที่อยู่นอกบริษัท หรืออยู่ในอำนาจของกระทรวงคมนาคมที่จะต้องตรวจสอบ ก็สามารถสอบสวนในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้
          "หากตรวจสอบพบว่ามีข้อมูลเชื่อมโยงถึงใครบ้าง สามารถเสนอมาที่กระทรวงคมนาคม ซึ่งจะรับมาดูว่าอยู่ในอำนาจที่จะตรวจสอบต่อได้หรือไม่ ซึ่งขณะนี้มีหลายหน่วยงานที่ตรวจสอบกรณีการรับสินบนโรลส์-รอยซ์ อยู่แล้ว" รมว.คมนาคม ระบุ
          ด้านนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้บริษัท อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ซึ่งเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้แทนจากบริษัท โรลส์-รอยซ์ ได้มาให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่าที่โรลส์-รอยซ์จะเปิดเผยได้ ซึ่งเป็นข้อมูลเดียวกับที่เปิดเผยต่อสาธารณชนแล้ว
          ทั้งนี้ การรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมจำเป็นต้องใช้ระยะเวลา ขณะเดียวกันคณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นทั้ง 2 ชุด คือ คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและคณะกรรมการตรวจสอบกระบวนการจัดหาเครื่องยนต์และการซ่อมบำรุง กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมและพิจารณาอย่างรอบคอบ ครบถ้วนเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป      
          ปัจจุบันนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการให้คู่ค้าลงนามใน Integrity Pact หรือ ข้อตกลงคุณธรรมเพื่อยืนยันและประกาศว่าคู่ค้าของการบินไทยจะไม่ให้สินบนใดๆ แก่เจ้าหน้าที่ของการบินไทย
          "จากกรณีดังกล่าวนี้ ประเทศไทยและการบินไทยจะต้องตื่นตัวในเรื่องของธรรมาภิบาลอย่างจริงจัง ในการดำเนินการในทุกๆ ด้าน ต้องอยู่บนความถูกต้อง และโปร่งใส"นายจรัมพร กล่าว

ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้มอบหมายให้ตนเองดูแลในเรื่องนี้ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ทั้ง 2 หน่วยงานที่ถูกพาดพิง ได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเป็นการภายในแล้ว โดยล่าสุดทางบมจ.การบินไทย (THAI) ได้ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อมูลและรวบรวมข้อเท็จจริงแล้ว เนื่องจากกรณีดังกล่าว เกิดขึ้นมานานและคาบเกี่ยวรัฐบาลหลายสมัย จึงจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูล ว่ามีใครมีส่วนเกี่ยวข้องในช่วงเวลาที่ถูกกล่าวอ้างบ้าง โดยขออย่าตำหนิในเรื่องนี้ ให้รอฟังผลการสอบสวนก่อน ซึ่งจะมีการรายงานบอร์ดการบินไทย กระทรวงคมนาคมและรายงานมายังรัฐบาล
          "ยอมรับว่า ช่วงเวลานั้นตนเองดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี แต่ก็จำไม่ได้ว่า เคยให้คำปรึกษาด้านกฏหมายหรือไม่ เพราะผ่านมานานแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ รัฐบาลคงไม่เรียกบุคคลที่ส่วนเกี่ยวข้องมาขอข้อมูลเพิ่มเติม เพราะถือเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะมีการตรวจสอบข้อมูลอยู่แล้ว"
          ขณะที่การตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น เป็นหน้าที่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ขณะนี้ทาง ป.ป.ช.ได้เดินหน้าตรวจสอบและรวบรวมข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งทาง ป.ป.ช.สามารถประสานขอข้อมูลจากทางสำนักงานต่อต้านการทุจริตของอังกฤษ (SFO) ได้ เพราะเป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบโดยตรง ต่างกลับทางการบินไทยที่จะทำได้แค่รวบรวมข้อมูลภายใน โดยคาดว่าทาง ป.ป.ช.จะมีข้อมูลทั้งหมดภายในสัปดาห์หน้า
          "อย่าเพิ่งมาสรุปว่าสามารถจะเอาผิดได้หรือไม่ เรื่องนี้ผ่านมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งต้องรอข้อมูลที่ส่งมายังรัฐบาลก่อน" นายวิษณุ กล่าว

 

 

เรียบเรียง บุญชัย ทีนิวส์