- 08 มี.ค. 2560
ระหว่างอ่านน้ำตาก็ไหล "กนก"ถ่ายทอดวินาที คณะอาจารย์ภูฏาน เข้ากราบสักการะพระบรมศพ ยกย่อง"กษัตริย์จิกมี"เปลี่ยนความอาลัย นำไปพัฒนาบ้านเมือง...
วันนี้ 8 มี.ค. 60 เฟสบุ๊ค "Kanok Ratwongsakul Fan Page" ได้โพสต์ข้อความโดยมีเนื้อหาดังนี้
เย็นวานนี้ มีคณะอาจารย์จากประเทศภูฏาน 25 คน สวมชุดประจำชาติ เดินทางมายังจุดเข้าแถวที่ท้องสนามหลวง เพื่อเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ครูชาวภูฏานคณะนี้ มาฝึกอบรมครูที่ประเทศไทย โดยเป็นครูต้นแบบที่คัดเลือกมาแต่ละจังหวัด ซึ่งพวกเขาอยากมากราบสักการะพระบรมศพมาก เป็นความฝันของชาวภูฏาน ระหว่างรอแถวที่ท้องสนามหลวงได้เข้าชมนิทรรศการ "เย็นศิระเพราะพระบริบาล"
พอได้ดูวีดิทัศน์ ครูหลายคนถึงกับน้ำตาร่วง เขารู้สึกเสียใจไม่ต่างกับคนไทย
ชาวภูฏานรักกษัตริย์ของเขาเหมือนกับที่เรารักกษัตริย์ของเรา และกษัตริย์ของเราก็เป็นที่รักและเคารพของชาวภูฏานเช่นกัน เมื่อในหลวง รัชกาลที่ ๙ สวรรคต ทางโรงเรียนที่นั่นได้หยุดทั่วประเทศ 1 วันเพื่อแสดงความอาลัย ตามที่สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงประกาศในคืนวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ให้วันที่ 14 ตุลาคม เป็นวันหยุดทั่วประเทศ เพื่อไว้อาลัยให้กับในหลวงของเรา เขาประกาศวันหยุดก่อนประเทศเราซะอีก
นายซันเกย์ เทเชอริง ครูชาวภูฏาน วัย 40 ปี บอกเล่าถึงความรู้สึกที่ได้มากราบพระบรมศพว่า ตื้นตันใจ รวมถึง รักและเคารพในหลวง รัชกาลที่ ๙ มาก เพราะทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างพระมหากษัตริย์มาอย่างยาวนาน ความรู้สึกที่ทำให้รักพระองค์ท่านมากคือ การที่พระมหากษัตริย์จิกมี่ เสด็จฯ มาเยือนประเทศไทยบ่อยๆ ทำให้ตนเองอยากที่จะมาเคารพพระบรมศพในครั้งนี้
“ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จสวรรคต ตนเองและชาวภูฏานก็รู้สึกเสียใจมาก โดยประเทศภูฏานร่วมไว้อาลัยด้วยการลดธงครึ่งเสาไปพร้อมๆ กับประเทศไทย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนเองได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทย และคนไทยมาโดยตลอด จนเกิดความประทับใจ โดยเฉพาะในเรื่องที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงงานหนัก และเสด็จฯ ไปยังถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ตรงนี้เองที่ทำให้รักพระองค์มาก"
"อยากบอกกับคนไทยว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่สวยงาม และเต็มไปด้วยผู้คนที่จิตใจดี ขอให้การจากไปของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และตัวเองก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้กำลังใจในฐานะครู จะนำเรื่องราวที่ตัวเองได้มาในวันนี้ไปบอกต่อกับเด็กๆ ในโรงเรียนที่ภูฏาน”
น.ส.หลินเฉิน เดมา อายุ 26 ปี ครูชาวภูฏานอีกท่านกล่าวว่า "การเดินทางมาเคารพพระบรมศพวันนี้ มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาล เห็นโครงการต่างๆ ที่พระองค์ ทรงงานหนักเพื่อคนไทยทำให้ตนร้องไห้ ซาบซึ้งเป็นอย่างมาก ชาวภูฏานส่วนใหญ่รู้จักพระองค์ท่านเป็นอย่างดี"
"พระองค์ทรงเป็นบุคคลสำคัญไม่ใช่เฉพาะเพียงต่อชาวไทยเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ทรงยึดถือในหลวง พระองค์นี้เป็นแบบอย่าง ในการทรงงานหนักเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของราษฎร ส่วนตนในฐานะครู รู้สึกประทับใจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะพระองค์ทรงให้การสนับสนุนจัดตั้งโรงเรียนในประเทศภูฏาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนที่ยากจนและอยู่พื่นที่ห่างไกล"
"รู้สึกเสียใจอย่างมากกับชาวไทยที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง อยากให้ชาวไทยปฏิบัติตนเหมือนกับตอนพระองค์ยังมีพระชนมชีพอยู่ เพราะท่านยังคงสถิตย์อยู่ในใจของพวกเราเสมอ อยากให้คนไทยเดินหน้าต่อไปตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ส่วนตนจะนำเรื่องราวความประทับใจของการเดินทางมาเคารพพระบรมศพวันนี้ ไปบอกเล่าให้ครอบครัว เพื่อนๆ และเด็กนักเรียนได้รับรู้ต่อไป"
วันที่ 12 ตุลาคม 2559 สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มีพระราชบัญชาให้มีการจัดการสวดมนต์ที่วัดต่างๆ ทั่วประเทศภูฏาน เพื่อถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้มีพระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง ทรงหายจากพระอาการประชวร
วันที่ 13 ตุลาคม สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงทราบข่าวการสวรรคตด้วยความโทมนัสอย่างยิ่ง โดยพระองค์ รวมไปถึงพระราชบิดา และสมาชิกพระราชวงศ์ ยังได้ทรงนำคณะพระสงฆ์ ข้าราชการระดับสูง และประชาชนชาวไทยในภูฏาน จุดเทียนและสวดมนต์เพื่อระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่วัดทาชิโชซอง
09.48 น. วันที่ 16 ตุลาคม สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และ สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง เพื่อวางพวงมาลาและลงพระนามาภิไธย เบื้องหน้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรก ที่เสด็จมาถวายสักการะพระบรมศพ
หลังจากนั้น..วันที่ 21 ตุลาคม กษัตริย์จิกมีแห่งภูฏาน เสด็จพระราชดำเนินขึ้นภูเขาสูงกว่า 5,250 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นเวลา 6 วัน เยี่ยมเยียนประชาชนชาวภูฏานในพื้นที่ห่างไกลทางตะวันตกเฉียงเหนือ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ไปตั้งแคมป์ให้บริการ
เห็นแล้ว..นึกถึงในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทันที และเชื่อสนิทใจว่า กษัตริย์จิกมี แปรเปลี่ยนความอาลัยต่อในหลวงของเรา เป็นการเสด็จไปบำบัดทุกข์บำรุงสุขชาวภูฏาน ตามต้นแบบ "คิงภูมิพล" ที่มีทั้งหมอหลวง และทรงไปในถิ่นยากลำบาก เพราะ "ทุกข์ของประชาชนนั้น รอไม่ได้"
ขอกษัตริย์จิกมี ทรงพระเจริญ
คิดถึงในหลวง รัชกาลที่ ๙ สุดหัวใจ
จิรศักดิ์ สำนักข่าวทีนิวส์