- 06 พ.ค. 2560
ถึงแม้ว่าจะมีปฏิกิริยา ที่ไม่พอใจ กองทัพสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานของชาวอัฟกานิสถาน แต่ทว่า ก็ไม่ได้ทำให้ สหรัฐฯ และ พันธมิตร นั้นยุติบทบาทในพื้นที่ดังกล่าว
เป็นที่ฮือฮาอีกครั้งเมื่อ อดีตประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน ฮามิดการ์ไซ ได้ให้สัมภาษณ์ กับทางด้าน ฟ็อกซ์นิวส์ ว่า กลุ่มก่อการร้ายของรัฐอิสลามไอเอส นั้นเป็นผลผลิต และเครื่องมือที่สหรัฐฯ เป็นผู้ดำเนินการขึ้นมา และใช้ดินแดนอัฟกานิสถานเพื่อทดสอบอาวุธ
สหรัฐฯต้องอธิบาย เกี่ยวกับกรณีเที่ยวบินพิเศษ ที่ได้ทิ้งเสบียงไปยังกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอเอสที่ชายแดนปากีสถานและอัฟกานิสถาน นอกจากนั้นแล้ว นายฮามิดการ์ไซ ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีตั้งแต่เดือนธันวาคม 2547 ถึงกันยายน พ.ศ. 2557 ยังได้ประณาม การทิ้งระเบิดขนาดใหญ่(MOAB) เมื่อเดือนที่แล้วที่ใช้ถล่มอุโมงค์ในอัฟกานิสถาน ซึ่งอดีตผู้นำอัฟกานิสถานบอกว่า สหรัฐฯ ได้แจ้งไปยังผู้ก่อการร้ายก่อน ให้ออกจากพื้นที่ และสหรัฐฯ จะนำเอาระเบิดขนาดใหญ่มาทิ้งใส่บริเวณดังกล่าว
เมื่อวันที่ 13 เมษายน สหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดกัมมันตภาพรังสีระเบิด GBU-43 / B ซึ่งมีชื่อว่า "เจ้าแม่ระเบิด" ซึ่งกำหนดเป้าหมายไปยังเครือข่ายก่อการร้ายไอเอส ที่อาศัยถ้ำและอุโมงค์ในการหลบซ่อนตัว ในเขตอาชิน จังหวัดนันกาฮาร์ ในภาคตะวันออกของอัฟกานิสถาน เครื่องบินทิ้งระเบิดที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ 9.5 ตันถูกทิ้งโดยเครื่องบิน MC-130 ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองทัพอากาศสหรัฐฯ
ไม่ใช่ครั้งแรกที่อดีตผู้นำของอัฟกานิสถาน ได้ออกมาแฉพฤติกรรมของสหรัฐฯ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ เขาก็ได้โพสต์ประณามว่า การใช้ระเบิดจีบียู-43/บี(GBU-43/B)ในพรมแดนของอัฟกานิสถานนั้นไร้มนุษยธรรมและล้ำเส้นเกินไป โดยนายฮามิด คาร์ไซ ได้เขียนในทวิตเตอร์ ว่า
“นี่ไม่ใช่สงครามต่อต้านการก่อการร้าย แต่เป็นการใช้แผ่นดินของเราในทางที่ผิดอย่างไร้มนุษยธรรมและโหดร้ายเพื่อเป็นที่ทดลองอาวุธใหม่และอันตรายเช่นนี้”
ซึ่งครั้งนี้ เป็นการโพสต์ หลังจากที่ทางด้านกองทัพสหรัฐฯในอัฟกานิสถานออกแถลงการณ์ระบุว่า กองทัพสหรัฐฯได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เป็นระเบิดจีบียู-43/บี(GBU-43/B)หรือฉายาเจ้าแม่ของระเบิดทั้งหมด ถล่มเป้าหมายแหล่งกบดานใต้ดินของกลุ่มหัวรุนแรงไอเอสในเขตอาชินจังหวัดนันการ์ฮาร์ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อเวลา 19.32 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน.ตามเวลาท้องถิ่น
จากกรณีกองทัพสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดจีบียู-43/บี(GBU-43/B) ถล่มเป้าหมายอุโมงค์และถ้ำของกองกำลังนักรบไอเอส ในอัฟกานิสถานนั้น ก่อให้เกิดปฏิกิริยาไม่พอใจจากชาวอัฟกานิสถาน
ถึงแม้ว่าจะมีปฏิกิริยา ที่ไม่พอใจ กองทัพสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานของชาวอัฟกานิสถาน แต่ทว่า ก็ไม่ได้ทำให้ สหรัฐฯ และ พันธมิตร นั้นยุติบทบาทในพื้นที่ดังกล่าว ล่าสุดปรากฏว่า เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ได้ให้สัมภาษณ์ว่าสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่กำลังท้าทาย กลุ่มพันธมิตรทางทหาร 28 ประเทศในยุโรปและอเมริกาเหนือ กำลังพิจารณาเพิ่มกำลังทหารในโครงการฝึกฝน ช่วยเหลือและแนะนำ Resolute Support ในอัฟกานิสถาน ซึ่งการเพิ่มกำลังทหารครั้งนี้ นาโตจะรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้
ก่อนหน้านี้ พล.อ.จอห์น นิโคลสัน ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังนาโตในอัฟกานิสถาน แถลงต่อสภาคองเกรสในกรุงวอชิงตัน ว่า จำนวนทหารภายใต้บังคับบัญชาของเขาในอัฟกานิสถานยังขาดอยู่หลายพันนาย กองกำลังนาโตนำโดยสหรัฐฯ สู้รบในอัฟกานิสถานมานาน 16 ปี กลายเป็นสงครามที่ยาวนานที่สุดของสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมาพบกว่ากลุ่มตอลิบันได้กับมาโจมตีทหารและพลเรือนบ่อยครั้งขึ้น และ ล่าสุดนั้นนักรบกลุ่มนี้ได้แต่งตัวด้วยเครื่องแบบทหารของอัฟกานิสถานบุกโจมตีค่ายทหารแห่งหนึ่งทำให้ทหารอย่างน้อย 135 คนนั้นเสียชีวิต
ด้านสหรัฐฯ นั้นมีเป้าหมายในการเดินหน้ากำจัดกลุ่มไอเอสในอัฟกานิสถานอีกด้วย และเพิ่งจะทำการทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ ที่ขนานนามว่าเจ้าแม่แห่งระเบิด ลงบนเทือกเขาแห่งหนึ่งของเขตอาชิน ที่เชื่อว่าเป็นแหล่งหลบซ่อนของกลุ่มไอเอสอยู่ใต้ดิน ในขณะที่เดียวกัน สหรัฐฯยังได้ส่งทหารนาวิกโยธินกลับไปยังจังหวัดเฮลมานด์ หนึ่งในพื้นที่อิทธิพลของกลุ่มตอลิบันอีกด้วย การเพิ่มกำลังของนาโตครั้งนี้ยังต้องการเพิ่มบทบาทในการต่อสู้กลุ่มก่อการร้ายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการฝึกฝนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ซึ่งนอกจากภารกิจในอัฟกานิสถานและอิรักแล้ว นาโตจะมีความเกี่ยวพันมากขึ้นในจอร์แดนและตูนิเซีย อีกด้วย