มรดกทางธรรมชาติ!! มรส.สำรวจ ร้อยถ้ำโบราณที่บ้านเขานิพันธ์ พบหินงอกหินย้อยสวยงามตระการตา แต่กำลังถูกทำลายเอาไปขายให้ธุรกิจจัดสวน

วันที่ 15 พ.ค. 2560  วิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี นำโดย ดร.สิญาธร ขุนอ่อน รองคณบดีวิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยว ได้ลงพื้นที่สำรวจถ้ำโบราณหลายแห่งที่ถูกค้นพบในพื้นที่ ต.เขานิพันธ์ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี อาทิ ถ้ำโพธิสัตว์ ถ้ำมูลค้างคาว ถ้ำเขาปลา ถ้ำเขานุ้ย ถ้ำพุทธภูมิ นอกจากนี้ยังมีถ้ำเล็กถ้ำน้อยอีกจำนวนมากถึง ๑๔๐ ถ้ำ กินพื้นที่คาบเกี่ยว ๒ จังหวัด ทั้งสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช  จากการค้นพบของชาวบ้านขณะเข้าไปเก็บขี้ค้างคาวขาย และได้พบว่าถ้ำจำนวนมากมีหินงอกหินย้อยสวยงามตระการตา มีเสาหินสลักเสลางดงามวิจิตร มีก้อนหินที่ธรรมชาติ เป็นรูปทรงต่าง ๆ บางแห่งมีสายน้ำไหลผ่านอย่างชุ่มเย็น จนเชื่อว่าถ้ำเหล่านี้น่าจะเคยมีมนุษย์อาศัยอยู่มาก่อน  จากพบรอยเท้าโบราณที่พื้นถ้ำ เป็นรอยเท้าที่มีขนาดใหญ่กว่าคนปกติ ๒ เท่า ลักษณะของคล้ายคนเดินย่ำไปมา

ถ้ำแต่ละแห่งมีจุดเด่นและเอกลักษณ์ที่แตกต่าง มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน คู่ควรแก่การศึกษาและอนุรักษ์เป็นอย่างยิ่ง อาทิ  ถ้ำมูลค้างคาว มีค้างคาวแม่ไก่อาศัยอยู่นับหมื่น ๆ ตัว มีห้องโถงขนาดใหญ่สามารถบรรจุคนได้กว่า ๑,๐๐๐ คน หินงอกหินย้อยงามวิจิตร เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำเราสัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นสบายราวกับติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ด้วยมีกระแสลมเย็นพัดผ่านตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีก้อนหินสีขาวกระจ่างอันเกิดจากน้ำกลั่นหยดสะสมจนกลายเป็นรูปทรงลักษณะคล้ายช้างหมอบ มีประกายแวววาวยามต้องแสงไฟ    ถ้ำโพธิสัตว์ เป็นถ้ำสูง ๓ ชั้น ภายในถ้ำแบ่งแยกเป็นห้อง ๆ ลดหลั่นกันไป บางห้องมีลานกว้างยกสูงเล็กน้อย พระธุดงค์ใช้เป็นสถานที่ในการนั่งวิปัสสนา ทางวัดจึงเรียกว่า “ลานปฏิบัติธรรม” มีเสาหินลักษณะคล้ายสถาปัตยกรรมในยุคโรมัน ชาวบ้านได้นำพระพุทธรูปเข้าไปประดิษฐานไว้ภายในถ้ำแห่งนี้เพื่อให้ผู้มาเยือนกราบไหว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ยังมีรอยเท้าที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าประทับอยู่บนก้อนหินด้วย ชั้นบนของถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่อาศัยของหมีคน ๒ – ๓ ตัวมาก่อน  นอกจากนี้ยังมีถ้ำที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น ถ้ำพุทธภูมิซึ่งอยู่สูงขึ้นไปอีก ๓๐๐ เมตร จะไปถึงตัวถ้ำได้ต้องปีนเขาขึ้นไปและต้องมีอุปกรณ์สำหรับปีนเขาเพื่อความปลอดภัย หรือจะเป็นถ้ำอุโบสถซึ่งทางวัดใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เป็นต้น

การลงพื้นที่สำรวจถ้ำโบราณในครั้งนี้ วิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยวมีวัตถุประสงค์ ๒ อย่างด้วยกัน คือ  ต้องการต่อยอดไปสู่การการพัฒนาเป็นเส้นทางท่องเที่ยวชุมชน และ ต้องการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ   ทางคณะสำรวจ มรส.กล่าวว่า ปัจจุบันถ้ำเหล่านี้เริ่มเป็นที่รู้จักของประชาชนและนักท่องเที่ยว เริ่มมีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมชมอยู่เป็นระยะ พร้อมกันนั้นถ้ำเหล่านี้ก็เริ่มถูกมนุษย์ทำลายไปพร้อม ๆ กันเช่น มีนักท่องเที่ยวมือบอนมาเขียนตรงก้อนหินสีขาวที่มีรูปร่างคล้ายช้างหมอบว่า “หมา"มีคนลักลอบเข้ามาทุบและหักหินงอกหินย้อยไปขายให้ธุรกิจจัดแต่งสวน หากขาดการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ขาดมาตรการในการดูแลรักษา ขาดการสร้างจิตสำนึกหวงแหนให้กับคนในชุมชน และไม่ได้สร้างความตระหนักรู้ให้แก่นักท่องเที่ยวและเยาวชนคนรุ่นใหม่ ทรัพยากรธรรมชาติอันทรงคุณค่าเหล่านี้ก็อาจจะถูกทำลายลงไปในที่สุด

(ขอบคุณ ภาพ/ข่าว วันวนัทธ์ วรภู มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี)   เรียบเรียง/สันทัด เจ็ดเสมียนใหม่ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค  สำนักข่าวทีนิวส์  จ.สุราษฎร์ธานี