"เสี่ยเปี๋ยง" เด็กใคร!! เส้นทางสามเส้าจากพ่อค้าข้าวพัวพัน 2อภิมหาทุจริต"บ้านเอื้ออาทรสู่จำนำข้าว" เกี่ยวข้องกันได้อย่างไร!!??

"เสี่ยเปี๋ยง" เด็กใคร!! เส้นทางสามเส้าจากพ่อค้าข้าวพัวพัน 2อภิมหาทุจริต"บ้านเอื้ออาทรสู่จำนำข้าว" เกี่ยวข้องกันได้อย่างไร!!??

ในช่วงสุดสัปหาด์ที่ผ่านมา ประเด็นที่จะไม่พูดถึงเลยก็ไม่ได้ นั้นคือสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติชี้มูลความผิดนายวัฒนา เมืองสุข สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)กับพวก ในรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ส่อว่าทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการที่บริษัทพาสทีญ่า ไทย จำกัด โดยมีมูลความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148,149 โดยคณะกรรมการป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนการไต่สวนไปให้สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) แล้ว แต่ อสส.เห็นว่า ยังมีข้อไม่สมบูรณ์ตามข้อกฎหมาย จึงมีมติให้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างป.ป.ช.กับ อสส. เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ดังกล่าวก่อนส่งฟ้องต่อศาลต่อไป อย่างไรก็ตาม หากคณะทำงานระหว่างป.ป.ช.กับอสส. หาข้อยุติไม่ได้ ทางป.ป.ช.สามารถนำสำนวนมาส่งฟ้องต่อศาลด้วยตนเองได้

ซึ่งบริษัท พาสทิญ่า ไทย จำกัด ผู้รับเหมาโครงการบ้านเอื้ออาทร ถูกระบุในรายงานผลการสอบสวนของคตส. ช่วงปี 2550 ว่าเป็นผู้จ่ายสินบนให้แก่นักการเมืองผ่านบริษัทของนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง คนขับรถ แม่บ้าน และพนักงานพิมพ์ดีด จำนวน 82 ล้านบาท

และที่เป็นประเด็นข้อสงสัยมาโดยตลอดก็คือ ทำไมชื่อนักธุรกิจค้าข้าวอย่าง นายอภิชาต จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง จึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีฉาวอย่างโครงการบ้านเอื้ออาทร แท้ที่จริงแล้ว"เสี่ยเปี๋ยง" เป็นคนของใครกันแน่ ??

เมื่อปี 2547 ว่า นายอภิชาติ เคยให้สัมภาษณ์ถึงสัมพันธ์สามเส้าระหว่างตัวเขา วัฒนา เมืองสุข และ นายทักษิณว่า นายอภิชาติได้รู้จักกับนายทักษิณ ก่อนรู้จักกับนายวัฒนา เพราะมีอยู่วันหนึ่ง นายอภิชาติมีโอกาสเข้าพบนายทักษิณ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยไปกับคณะของ สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ

ก่อนหน้านั้นไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย เมื่อมีโอกาสได้พบในนามสมาคมฯเขาได้ยื่นนามบัตรเพื่อแนะนำตัวกับนายทักษิณ หลังจากนั้น นายทักษิณ ก็ให้นายอภิชาติไปพบและถามว่าจะให้ช่วยอะไร นายอภิชาติได้บอกว่าให้ช่วยบอกอินโดนีเซียซื้อข้าวจากไทย เพราะอินโดนีเซียไม่ได้ซื้อข้าวจากไทยมา 15 ปีแล้ว ต่อมานายทักษิณบอกว่าได้ช่วยพูดให้แล้วและอินโดนีเซียได้สั่งซื้อข้าวจากไทย 5 แสนตัน โดยปรากฏว่า บริษัทเพรซิเด้นท์ อะกริ เทรดดิ้ง กลายเป็นผู้ส่งมอบข้าวรายเดียว

นายอภิชาต หรือ เสี่ยเปี๋ยง อธิบายด้วยว่า ก่อนหน้านั้นตนได้ประสานกับทางรัฐบาลอินโดนีเซียไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่เนื่องจากขายข้าวให้อินโดนีเซียต้องรัฐบาลกับรัฐบาลเท่านั้น จึงมีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากนายทักษิณ แต่หลังจากนั้นนายทักษิณก็ให้นายอภิชาติประสานกับ นายวัฒนา (วัฒนา เมืองสุข ) ซึ่งขณะนั้นเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และได้ติดต่อกันเรื่อยมา

"เรื่องขายข้าวให้อินโดนีเซีย ถ้าไม่มีนายกฯทักษิณ ผมขายไม่ได้ เพราะอินโดนีเซียซื้อรัฐบาลกับรัฐบาลเท่านั้น"

ในภายหลังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง นายอภิชาติ กับ นายวัฒนาเป็นไปด้วยดีมาโดยตลอด โดยเฉพาะภายหลังจาก นายวัฒนาได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเปิดประมูลข้าว ขายข้าวสารในสต๊อกจำนวน 2 ล้านตัน เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2547 ปรากฎว่าการประมูลครั้งนั้น บริษัท เพรซิเด้นท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด เป็นผู้ชนะประมูล ข้าวเพียงรายเดียวจำนวน 1.78 ล้านตัน

ต่อจากนั้น บริษัท เพรซิเดนท์ อะกรี เทรดดิ้ง ของ นายอภิชาติ ยังประมูลข้าวจากกระทรวงพาณิชย์ได้อีกหลายครั้งจนเป็นที่พูดถึงในวงการค้าข้าว โดยไม่มีใครรู้ว่าต่อจากนั้นเมื่อนายวัฒนาถูกโยกย้ายจากกระทรวงพาณิชย์ไปนั่งเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมุนษย์ ความสัมพันธ์ระหว่างนายอภิชาต หรือ “เสี่ยเปี๋ยง” และนายวัฒนา จะยืนยันความแนบแน่นอีกครั้งผ่านโครงการบ้านเอื้อาทร ภายหลังทั้งคู่ถูกชี้มูลตั้งข้อกล่าวหากระทำความผิดจากทั้งคตส.และปปช.

ไล่เรียงข้อมูลมาเป็นลำดับกับปมปัญหาการทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่ปปช.กำลังจะชี้มูลความผิดอีกครั้งในเร็วๆ นี้ ด้วยความน่าสนใจว่าจะมีนักการเมืองคนไหนถูกแจ้งข้อหาหรือไม่อย่างไร รวมถึงบุคคล กลุ่มบุคคล ที่เกี่ยวโยงกับการร่วมกันนำงบประมาณแผ่นดินไปแปรสภาพเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง

จากนั้นต่อมาก็ปรากฏชื่อของ นายอภิชาต จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยงในคดีอภิมหาทุจริตจำนำข้าวในสมัยของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และสำหรับกรณีทุจริตจำนำข้าวของเสี่ยเปี๋ยง ขณะนี้ปปง.อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับกรกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) หลังจากก่อนหน้านี้คณะกรรมการธุรการได้มีคำสั่งอายัดไว้แล้ว 7 ครั้ง โดยคำสั่งอายัดทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นโฉนดที่ดิน และเงินฝากออมทรัพย์, บัญชีเงินฝากธนาคารหลายบัญชี และกองทุนบัวหลวง รวมทั้งสิ้น 30 ล้านบาท ขณะที่ ยังมีกิจการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ กทม. วงเงินจดทะเบียน 320,000,000 บาทด้วย การอายัดครั้งนี้มีจำนวน 377 รายการ รวมค่าประเมินทั้งสิ้น 687,835,323 บาท พร้อมดอกผล 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ปปง.ได้อายัดทรัพย์ของนายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยงไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 1,806 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 12,929.3 ล้านบาท